แถลงการณ์รัฐบาลไม่จริงใจแก้ไขปัญหาคนจนปล่อยให้โจรปล้นกลางเมือง
สืบเนื่องจากเหตุการณ์
ชายฉกรรจ์ประมาณ 30 คนพร้อมอาวุธบุกเข้าไปรื้อถอนที่พัก
ทำลายข้าวของ
และปล้นเอาป้ายผ้าของชาวบ้านสมัชชาคนจน
กลุ่มเขื่อนปากมูล
ซึ่งชุมนุมอย่างสงบที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
เมื่อเช้าตรู่วันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา
เป็นเหตุให้ข้าวของของชาวบ้านเสียหายนั้น
นับเป็นปฏิบัติการณ์อุกอาจที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวง
ทั้งที่สถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับสถานที่ราชการสำคัญอย่างทำเนียบรัฐบาล
และยังมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งจอดประจำอยู่ใกล้ที่ชุมนุม
แต่เป็นที่หน้าสังเกตุว่าในช่วงเกิดเหตุกลับไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำการ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) และคณะกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม 17 สถาบัน(คอทส.) ซึ่งได้ติดตามกรณีปัญหานี้มาโดยตลอดมีท่าทีและข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นปฏิบัติการณ์ที่อุกอาจ
โดยการทำลายข้าวของของผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย
ปล้นทรัพย์ พกพาอาวุธ
ใช้กำลังเข้าข่มขู่คุกคามผู้อื่น
ถือเป็นการกระทำเยี่ยงโจร
เย้ยต่อกฎหมายของบ้านเมือง
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะสน.ดุสิตซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบต้องเร่งสืบสวนเพื่อนำคนผิดมาลงโทษโดยด่วน
หากไม่มีความคืบหน้าของคดีถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไร้ประสิทธิภาพ
ไม่มีความสามรถที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้
2. รัฐบาลต้องกำกับดูแลการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีความคืบหน้าในการติดตามคดีซึ่งชาวบ้านในฐานะ
ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความที่สน.ดุสิตไว้แล้ว
และต้องตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ณ
ที่ทำการชั่วคราวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณที่ชุมนุมซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ
ซึ่งบกพร่องต่อหน้าที่
เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าทำการระงับเหตุ
3. รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะต้นเหตุ
เพราะมิได้แก้ไขปัญหาตามหลักวิชาการและฐานข้อมูลที่ถูกต้อง
เป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องปักหลักชุมนุมเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลกระทั่งเกิด
เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว
โดยรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ร้ายมาดำเนินคดี
และชดใช้ค่าเสียหายโดยด่วน
4. เพื่อยุติปัญหาทั้งปวงรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างตรงไปตรงมาและถูกต้องตามหลักวิชาการ
หยุดความดื้อด้านไร้เหตุผล
ซึ่งแสดงถึงวุฒิภาวะอันอ่อนด้อยและไร้การศึกษาของรัฐบาล
ที่มีบทสรุปงานวิจัยของรัฐบาลซึ่งได้มอบหมายให้นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีทำการวิจัย
ผลงานวิจัยชี้ชัดเจนว่าทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูลคือต้องเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง 8 บานตลอดปีอย่างน้อย 5 ปี
แต่รัฐบาลกลับอ่านงานวิจัยไม่รู้เรื่อง
ดื้อดึงโดยไม่ฟังคำทักท้วงของใครมีมติ
ครม. ให้เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล 4 เดือนในแต่ละปี
โดยไร้เหตุผลไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานทางวิชาการรองรับการตัดสินใจ
ดังนั้นเพื่อแสดงถึงวุฒิภาวะและแสดงว่าคณะรัฐมนตรีมีการศึกษาเพียงพอ
คณะรัฐมนตรีต้องทบทวนมติครม.ในวันที่ 1 ตุลาคม 2545 และต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนองานวิจัย
ที่ให้เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง 8 บานตลอดปี
โดยเร่งด่วน
ด้วยจิตสมานฉันท์
สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.)
คณะกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม 17 สถาบัน (คอทส.)
แถลงโดย
นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์
เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) ณ ทำเนียบรัฐบาล14.00 6 ธ.ค.
2545
|