แถลงการณ์เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
กรณีเขื่อนปากมูล
สืบเนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)และจังหวัดอุบล
ฯ
ได้แถลงข่าวและออกประกาศสรุปได้ว่า
จะเกิดปัญหาน้ำ
ท่วมและไฟฟ้าดับหากว่าชาวบ้านที่ชุมนุมที่สันเขื่อนปากมูลไม่ให้
กฟผ.ลงไปซ่อมบำรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
อีกทั้งประกาศให้ประ-
ชาชนในพื้นที่อุบล ฯ
และใกล้เคียงรวมระวังน้ำท่วมและไฟฟ้าดับนั้น
เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวของ
กฟผ.และจังหวัดอุบล ฯ
เป็นการกุข่าวเพื่อให้ประชาชนที่ไม่
ทราบข้อเท็จจริงเกิดความตื่นตระหนกและทำให้เกิดการเกลียดชังชาวบ้านที่ชุมนุมที่เขื่อนปากมูล
ขณะเดียวกันก็เป็นกลยุทธ์ในการ
เบี่ยงประเด็นที่จะไม่พูดถึงเรื่องข้อมูลผลได้และผลกระทบของเขื่อนปากมูล
เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เห็นว่า
ข้ออ้างของ กฟผ.และจังหวัดนั้นไร้เหตุผลเพนื่องจาก
ประการแรก กรณีที่อ้างว่าหากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเสียแล้วจะทำให้เกิดไฟฟ้าดับนั้น
เป็นไปไม่ได้เลย
เนื่องจากระบบไฟฟ้าของ
ประเทศเป็นระบบที่เชื่อมกันหมด
ที่สำคัญก็คือ
ขณะนี้กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศเหลืออยู่ถึง
5,000 เมกกะวัตต์
การที่ กฟผ.อ้างว่า
อุบลอยู่ปลายของสายส่งดังนั้นไฟฟ้าจากเขื่อนปากมูลจึงมีความจำเป็นนั้นก็เป็นการอ้างที่ขาดเหตุผลรอบรอง
เนื่องจาก กฟผ.เคยแถลงว่าระบบไฟฟ้าของประเทศเป็นระบบที่มั่นคงที่สุด
ที่สำคัญก็คือเขื่อนปากมูลเป็นเขื่อนที่ออกแบบสำหรับ
ให้เป็นโรงไฟฟ้าที่ผลิตในชั่วโมงที่มีความต้องการสูงไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับการเพิ่มแรงดันไฟฟ้าในสายส่ง
ประกอบกับการที่
ประเทศไทยมีกำลังการผลิตสำรองมากมายดังที่กล่าวมาแล้ว
การหยุดปั่นไฟก็จะไม่มีผลกระเทือนแน่นอน
นอกจากนั้นข้ออ้างดังกล่าวยังขัดแย้งกับข่อเท็จจริง
เนื่องจากเขื่อนปากมูลเคยหยุดผลิตกระแสไฟฟ้าบางครั้งนานเป็นเดือน
ๆ
โดยเฉพาะในช่วงน้ำหลากที่ระดับน้ำแม่น้ำโขงหนุนเข้ามาจนทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนไม่แตกต่างกันจนใช้ปั่นไฟ
ไม่ได้
ซึ่งก็ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับที่อุบล
ฯ แต่อย่างใด
เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ยังเห็นอีกด้วยว่าข้ออ้างของ
กฟผ.นั้นฟังไม่ขึ้น
เนื่องจากว่าหากไฟฟ้าที่ปากมูลจำเป็นต่ออุบล
ฯ จริง จังหวัดต่าง ๆ
ที่อยู่ปลายสายก็ต้องสร้างเขื่อนหรือโรงไฟฟ้ากันทั้งหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม
กรณีเดียวที่ทำให้ไฟฟ้าในอุบลและใกล้เคียงดับก็คือ
กฟผ.แกล้งดับไฟ ซึ่ง กฟผ.เคยทำมาแล้วในช่วงที่มีการสร้างเขื่อน
ปากมูลและถูกคัดค้านจากชาวบ้าน
จึงใช้วิธีการดับไฟทำให้คนอุบลเกิดความวิตกเกินเหตุและหันมาสนับสนุนเขื่อน
ประการที่สอง ต่อข้ออ้างที่ว่า
หาก กฟผ.ไม่สามารถลงไปซ่อมได้จะทำให้เกิดน้ำท่วมนั้น
เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
เห็นว่า
ไม่เกี่ยวกันแม้แต่น้อย
โดยที่ไม่ต้องถามว่า
ข้ออ้างที่ว่าเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าขัดข้องนั้นเป็นความจริงหรือไม่
แต่การที่ กฟผ.โยงเรื่องที่ไม่สามารถลงไปดู
แลเครื่องปั่นไฟมารวมกับการเปิดประตูน้ำนั้นเป็นการกุเรื่องขึ้นมา
เนื่องจากว่าระบบการสั่งการเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากับระบบสั่งการ
เพื่อเปิดประตูน้ำนั้น
คนละระบบกัน
และไม่มีเขื่อนที่ไหนในโลกที่ให้ระบบการเปิดประตูน้ำไปผูกติดการทำงานของเครื่องปั่นไฟ
เพราะการทำอย่างนี้ผิดหลักวิศวกรรมอย่างแน่นอน
ดังนั้น
การที่นำเรื่องทั้งสองมาพัวพันกันจึงเป็นการผิดจรรยาบรรณวิชาชีพวิศวกรรมอย่างร้ายแรง
และควรที่จะต้องประณามการ
กระทำดังกล่าว
ประการที่สาม การอ้างว่าในขณะนี้
จะเกิดน้ำท่วมเหนือเขื่อนนั้น
กฟผ.ต้องพูดให้ชัดว่า
น้ำจะท่วมไม่เกิน 108
เมตรจากระดับน้ำทะเล
ปานกลางเท่านั้น
เพราะระดับน้ำนี้
เป็นระดับน้ำที่ กฟผ.แจ้งต่อรัฐบาลและประชาชนว่าเป็นระดับเก็บกักสูงสุดของเขื่อนปากมูล
ถ้า ระดับสูงกว่า 108 ม.รทก.น้ำเหนือเขื่อนก็จะล้นออกทางประตูระบายน้ำล้นฉุกเฉินหรือสปิลเวย์โดยอัตโนมัติ
นอกจากนั้น กฟผ.ก็ได้
ชดเชยชาวบ้านที่อยู่ต่ำกว่า
108.5 ม.รทก.ไปแล้ว
ดังนั้นถ้าน้ำท่วมไม่เกิน 108.5
ก็จะไม่มีใครเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงก็คือ
กฟผ.อาจจะปกปิดตัวเลขที่น้ำจะท่วมสูงสุด(Max.
High Water Level)ที่แท้จริงเอาไว้ตั้งแต่
แรก
โดยไม่ได้แจ้งตัวเลขระดับน้ำท่วมสูงสุดไว้ตั้งแต่ตอนสร้างเขื่อนเพื่อให้จำนวนผู้ที่ต้องอพยพน้อยลง
ดังนั้นแล้ว ถ้า กฟผ.ปกปิด
ข้อมูลระดับน้ำท่วมสูงสุดและแกล้งไม่ปล่อยน้ำจนทำให้เกิดน้ำท่วมเกิน
108 ม.รทก. กฟผ.ก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหาย
ทั้งหมด
ไม่ใช่โยนความผิดให้กับผู้ชุมนุม
ด้วยเหตุนี้
เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
จึงขอให้ กฟผ.และจังหวัดอุบลยุติพฤติกรรมดังกล่าว
เพราะข้ออ้างที่ กฟผ.และจัง
หวัดนำมาอ้างนั้น
เป็นการสร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชนอย่างไร้เหตุผล
และยังทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเกลียดชัง
ในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง
เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ยังขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้หันมาให้จริงใจกับประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน
และต้องสั่งการให้ กฟผ.รวมทั้งหน่วยงานรัฐท้องถิ่นทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายประชาสัมพันธ์ยุติการกุข่าวดังกล่าวโดยทันที
เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
31
พฤษภาคม 2543
|