eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

แถลงการณ์ สมัชชาคนจน

หลักกูเหนือหลักการ หลายมาตราฐานในรัฐบาลชวน

หลังจากที่สมัชชาคนจนได้ปักหลักจัดตั้งหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน 1–6 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ของพี่น้องสมัชชาคนจน 16 กรณี มาตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 42 แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล

จนกระทั่งสมัชชาคนจนได้เคลื่อนไหวมาจัดตั้งหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน 7 บริเวณลานจอดรถโรงไฟฟ้าเขื่อนปากมูล เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 43 ทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯและทางจังหวัดพยายามใช้ความรุนแรงเพื่อสลายการชุมนุม แต่เนื่องจากนักวิชาการ ผู้รักความเป็นธรรม 45 ท่านและสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 14 ท่าน ได้ลงพื้นที่เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งโดยเสนอให้รัฐบาล แต่งตั้งคณะกรรมการกลางซึ่งมีอำนาจเต็มขึ้นมาแก้ไขปัญหา

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย จึงมีคำสั่งแต่งตั้งนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ 10 ท่าน เป็นคณะกรรมการกลางเพื่อแก้ปัญหาสมัชชาคนจน โดยให้มีหน้าที่สรุป สาเหตุความเป็นมาของปัญหา วินิจฉัยและเสนอความคิดเห็นการแก้ไขปัญหาทั้ง 16 กรณี ซึ่งคณะกรรมการกลางฯได้ ดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมายและเสนอความเห็นในการแก้ปัญหาณี ต่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 43 แต่รัฐบาลก็ยังคงนิ่งเฉยไม่ดำเนินการตามข้อเสนอของกรรมการกลางฯ

สมัชชาคนจนจึงต้องเดินทางเข้าสู่มหานครเพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา แต่ปรากฏว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กลับออกมาแถลงข่าวว่า“คณะกรรมการกลางฯได้รายงานความคืบหน้ามาแล้วหลายเรื่องอยู่ในระหว่างดำเนิน การ ตนจึงส่งเรื่องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปดูว่าสิ่งใดที่ผู้ชุมนุมขอมาทำให้เขาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามการเดินทางเข้ามา ในกรุงเทพฯของผู้ชุมนุมครั้งนี้บางส่วนก็อยากมาฟังข้อยุติตามที่กรรมการกลางชี้ ขาดซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ คณะกรรมการไม่ ได้ใหญ่โตขนาดนั้น แม้กระทั่งตนจะสั่งอะไรที่เป็นไปไม่ได้ก็ลำบาก”

เห็นได้ว่านายบัญญัติ บรรทัดฐาน กล่าวเหมือนกับไม่เคยรับรู้ว่ามีกรรมการกลางฯ และตีค่าข้อเสนอของกรรมการกลางเป็น เพียงข้อเสนอของผู้ชุมนุม อีกทั้งยังทำไขสือว่ากรรมการไม่ได้ใหญ่โต ชี้ขาดการแก้ปัญหาได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันมา ตั้งแต่ต้นว่า คณะกรรมการกลางมีหน้าที่วินิจฉัยและเสนอแนวทางการแก้ปัญหา รัฐบาลซึ่งมีอำนาจเต็มในการบริหาร ประเทศซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ต้องนำไปสู่การปฏิบัติ ถือเป็นหลักการที่ยึดถือกันทั่วไป แต่รองนายกรัฐมนตรีที่ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้แก้ปัญหาสมัชชาคนจนกลับทำเป็นไม่รู้

ทั้งที่การตั้งคณะกรรมการเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในลักษณะนี้ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก อย่างน้อยที่สุด กรณีท่อส่ง ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยานาดา นายชวน หลีกภัย ก็เคยแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยในครั้งนั้น เมื่อคณะ กรรมการได้ข้อสรุปว่าใหโครงการท่อส่งก๊าซดำเนินต่อไปได้ แต่ให้แก้ปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รัฐบาลก็ไม่ได้แสดง อาการลังเล เดินหน้าดำเนินการตามข้อเสนอของกรรมการทันที

สมัชชาคนจนเห็นว่าท่าทีการเลือกปฏิบัติเช่นนี้แสดงถึงความไร้หลักการ ของรัฐบาล เหลือเพียงหลักกูที่จะยืนยันการกระทำ ตามความพึงพอใจของตัวเองเท่านั้น ซึ่งวันข้างหน้าสังคมนี้จะมีมาตราฐานในการอยู่ร่วมกันอย่างไรในเมื่อรัฐบาลยังคง แสดงถึงมาตราฐานที่แตก ต่างในการดำเนินงานเสมอมา

สมัชชาคนจนขอยืนยันว่าแม้มติของกรรมการกลางฯจะไม่ตอบสนองความต้องการทั้งหมดของสมัชชาคนจน แต่เมื่อพวก เราให้การยอมรับคณะกรรมการชุดนี้ตั้งแต่รัฐบาลมีคำสั่งแต่งตั้ง จึงขอยอมรับข้อเสนอในการแก้ปัญหาของกรรมการ กลางฯด้วยความเต็มใจ และยืนยันที่จะผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาตามที่กรรมการกลางฯเสนอโดยเร่งด่วน เพื่อยืนยันว่าสังคมนี้ต้องมีบรรทัดฐานหลักการต้องเหนือหลักกู

ด้วยจิตรคาระวะ

สมัชชาคนจน

............................................................................................................................

แถลงการณ์สมัชชาคนจน

สืบเนื่องจากรัฐบาลเพิกเฉยต่อการแก้ปัญหาของสมัชชาคนจน กระทั่งใช้ทุกวิถีทางที่สะกัดกั้น ขัดขวางสิทธิเสรีภาพในการ แสดงความคิดเห็นนับตั้งแต่การเดินทางเข้ามากรุงเทพฯ จนกระทั่งเมื่อมาถึงทำเนียบรัฐบาลก็ยังระดมกำลังเจ้าหน้าที่ จำนวนมาก กีดกัน การเรียกร้องของสมัชชาคนจน โดยระดมกำลังตำรวจจากหลายพื้นที่มารักษาการณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยต้องทำงานด้วยความกดดันมาโดยตลอด การกระทำดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งมีแต่จะ สร้างความเดือดร้อนให้กับสมัชชาคนจนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งอาจทำให้ปัญหารุกลามบานปลายกระทบต่อส่วนอื่นๆ ของสังคม

การเสียชีวิตของ ส.ต.ท. มงคล ไพชยนตร์ เจ้าหน้าที่สายตรวจ สถานีตำรวจนิมิตรใหม่ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ใน ครั้งนี้ หลังจากเสร็จภารกิจในวันที่ 13 กรกฎาคม 2543 จึงเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ รัฐบาลและผู้มีอำนาจทั้งหลายจะต้องนำ ไปพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อดำเนินการต่อไป เพราะเหตุการณ์เช่นนี้คงจะไม่ใช่การสูญเสียครั้งสุดท้าย หากรัฐบาลยังคงใช้ วิธีการเดิมๆในการแก้ปัญหา เพียงแต่ว่าชีวิตต่อไปจะเป็นใครเท่านั้น

สมัชชาคนจนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์อันเศร้าสลดใจครั้งนี้ เราขอยืนยันว่าการชุมนุมของเราในครั้ง นี้มิได้มีความปราถนาที่จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องเจ้าหน้า ที่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ต้องลำบากกับการปฏิบัติหน้าที่ แต่อย่างใด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราและเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเข้าใจต่อกัน เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ในฐานะที่เป็นคน จนด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เกิดจากความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาคนจนของรัฐบาลทั้งสิ้น ทำให้เราและเจ้าหน้า ที่ตำรวจ ต่างก็ได้รับความเดือดร้อน ขณะที่รัฐบาลกลับลอยตัวอยู่เหนือปัญหา มุ่งแต่ผลักดันโครงการขนาดใหญ่แสวงหา ผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองและพวกพ้องอยู่ในขณะนี้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และดูแลอุปการะต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต

ท้ายนี้เพื่อไม่ให้เหตุการณ์อันเศร้าสลดใจในครั้งนี้เกิดขึ้นอีก เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาจากต้อนตอของปัญหา มิใช่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยการยอมรับข้อเสนออันชอบธรรมของสมัชชาคนจนในการแก้ ปัญหาทั้ง 16 กรณีโดยเร่งด่วน ซึ่งเป็นหนทางที่จะนำไปสู่การยุติปัญหาลง อันเป็นความปรารถนาของทุกฝ่าย

ด้วยจิตคารวะ

สมัชชาคนจน

14 กรกฎาคม 2543

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา