แถลงการณ์สมัชชาคนจน
16
กรณีต้องผ่าน
คณะกรรมการกลางฯ
ไม่ใช่หุ่นเชิด
หยุดพฤติกรรมหลงยุค
หยุดคุกคามสื่อมวลชน
21
กรกฎาคม 2543 ณ
หน้าทำเนียบรัฐบาล
ตามที่นายบัญญัติ
บรรทัดฐาน
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกมายืนยันว่า
จะนำมติของคณะกรรมการ
กลางเพื่อแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ในวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม 2543
ครั้งนี้นั้น
พวกเราเห็นว่าการรับ
ปากนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ
ครม.ก็จะไม่ได้สร้างหลักประกันในการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนทั้ง
16 กรณี แต่อย่างใด ทั้งนี้เพราะการ
นำเรื่องมติของคณะกรรมการกลางฯ
เข้าสู่พิจารณา
โดยเอาความเห็นของส่วนราชการต่างๆ
เข้าร่วมประกอบพิจารณาด้วยนั้น
ยิ่งจะเป็น
อุปสรรคสำคัญในการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้เพราะหน่วยงานราชการต่างๆ
มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า
ปัญหาของสมัชชาคนจนเหล่านี้แก้ไขไม่ได้
อันเนื่องมาจากขัดต่อผลประ
โยชน์
ระเบียบและข้อบังคับของหน่วยราชการทั้งสิ้น
เช่น
กรมป่าไม้จะไม่ยอมเสียพื้นที่ป่าต่างๆ
ที่ไปประกาศทับที่ทำกินของชาวบ้าน
หรือ
กรมที่ดินจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์จากที่ดินสาธารณะที่ไปประกาศทับที่ชาวบ้าน
หรือ กฟผ.
จะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ใดๆ
จาก การผลิตกระแสไฟฟ้า
โดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวบ้านที่จะได้มีอาหารจากปลาซึ่งเลี้ยงคนอีสานกว่า
10 ล้านคน ทั้งที่ไฟฟ้า
สำรองมีเหลือเฟือ
จากประสบการณ์ที่สมัชชาคนจนได้ถูกหลอกลวงบิดเบือนมาหลายต่อหลายครั้ง
เห็นได้ชัดว่า
เมื่อรัฐบาลนำเรื่องการแก้ไขปัญหาของ
สมัชชาคนจนเข้าพิจารณาใน
ครม. ผลมติ ครม.จะออกมาเป็นคนละเรื่องกับเรื่องที่นำเข้า
นั่นหมายความว่า
รัฐบาลก็จะอ้างเหตุผลเดิมๆ
อีก คือ
ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมด
เพราะรัฐบาลฟังความเห็นของหน่วยราชการที่เสนอมาเป็นหลัก ซึ่งหากรัฐบาลยังดำเนินการในแนวทาง
เดิมๆ ที่ผ่านมา
ปัญหาสมัชชาคนจนก็สามารถแก้ไขได้อย่างแน่นอน
นั่นหมายความว่า
ฟางเส้นสุดท้ายต่อการให้โอกาสกับรัฐบาลในการ
แก้ปัญหาก็จะขาดสะบั้นลงอย่างแน่นอน
สมัชชาคนจน
ขอย้ำว่า
มติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลางเพื่อแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา
โดยมีกลไกกรรมการที่
รัฐบาลเสนอและพวกเราเสนอนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิที่หลายฝ่ายของสังคมยอมรับ
พวกเราเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการกลางฯ
ได้พิจารณา
อย่างรอบคอบถี่ถ้วนแล้ว
โดยไม่ได้ฟังความเห็นเฉพาะของส่วนราชการแต่เพียงฝ่ายเดียวและเมื่อคณะกรรมการกลางฯ
มีแนวทางในการแก้
ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม
คณะรัฐมนตรีพึงเห็นชอบในความเห็นของคณะกรรมการกลางทั้งหมด
รวม 16 กรณี
เพื่อเป็นแนวทางต่อการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนทั้งหมดต่อไปในอนาคต
และจากการให้สัมภาษณ์ของนายไตรรงค์
สุวรรณคีรี
รองนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้
ว่าสมัชชาคนจนที่ได้ค่าชดเชยแล้วยังมาเรียกร้องอีก
อีก
ทั้งยังได้ท้าทายสมัชชาคนจนว่า
รัฐบาลนี้ไม่กลัวม็อบนั้น
สมัชชาคนจนขอเรียกร้องให้รัฐบาลและคณะได้ยุติการให้สัมภาษณ์เชิงยั่วยุ
สาด
โคลนหรือด่าทออย่างเอามัน
ทั้งนี้ขอให้ไปอ่านข้อมูล
โดยเฉพาะมติของคณะกรรมการกลางฯ
ให้ชัดเจนก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นหรือ
อวดภูมิปัญญาอันน้อยนิดออกมา ทั้งนี้เพราะสัมภาษณ์โดยการไม่รู้ปัญหา
ไม่มีมีข้อมูลข้อเท็จจริง
ย่อมไม่เข้าใจปัญหาแล้ว
การแสดงความ
คิดเห็นแบบเพ้อเจ้อมากๆ
ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้อีกทั้งจะทำให้การแก้ไขปัญหาบานปลายออกไปอีก
ยิ่งสะท้อนถึง
วุฒิภาวะของผู้ให้สัมภาษณ์อีกด้วย
นอกจากนี้พฤติกรรม
การจัดม็อบชนม็อบ
โดยขนม็อบกำนันผู้ใหญ่บ้านมาชนกับสมัชชาคนจน
เพื่อมาให้กำลังใจรัฐบาลและเป็นการสร้าง
ภาพหลอกลวงสังคมนั้น
ก็สะท้อนให้เห็นถึงความไม่จริงใจของรัฐบาล
ที่ยังใช้วิธีการพฤติกรรมเก่าๆ
หลงยุค
เพื่อทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
มาอีก
สมัชชาคนจนขอให้รัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหยุดพฤติกรรมเช่นนี้ทันที
เราเครือข่ายพี่น้องสมัชชาคนจน
ขอให้กำลังใจกับพี่น้องสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้นำเสนอข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
อย่างตรงไปตรงมา
และเราขอเป็นกำลังใจให้กับการสู้คดีของหนังสือพิมพ์ข่าวสดที่ถูกนายชวน
หลีกภัย
นายกรัฐมนตรีแจ้งความโดยการยื่น
ฟ้องต่อศาล
เราขอเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลได้ทบทวนการกระทำอันคับแคบ
หยุดคุกคามสื่อมวลชน
เร่งแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ต้นเหตุโดย
แท้จริง
ด้วยจิตคารวะ
สมัชชาคนจน
ทำไมรัฐบาลต้องมีมติครม.รองรับมติกรรมการกลางแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน
ปํญหาของสมัชชาคนจน
ประกอบด้วย
ชาวบ้านที่เคยอยู่ในเศรษฐกิจพอเพียงพึ่งตนเองได้แต่ต้องสูญเสียที่ดินทำกิน,สูญเสียอาชีพ,ถูกขับไล่
ออกจากที่ที่เคยอยู่อาศัย
เนื่องจากการสร้างเขื่อน,
โครงการพัฒนาของราชการหรือขยายเขตอุทยาน
, ป่าสงวน
ทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน
ดังนั้นปัญหาทั้ง
16 กรณี ของสมัชชาคนจน
เป็นปัญหาที่เกิดจาก
ระเบียบ
กฎเกณฑ์ของราชการไม่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหารวมทั้ง
กระบวนการตามระบบราชการปกติไม่เอื้ออำนวยให้เกิดการแก้ไขปัญหาเป็น
ปัญหาทางนโยบาย
ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าใจความเดือดร้อนและ
มีวิสัยทัศน์เพียงพอในการแก้ไขปัญหา
คณะกรรมการกลางฯ
10 ท่าน มาจาก
นักวิชาการที่หน่วยราชการเสนอชื่อ
5 คน และสมัชชา ฯ เสนอชื่อ 5 คน
ทำงานร่วมกัน เป็นเสมือน
คนกลางที่เข้ามารับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย
หาข้อเท็จจริงและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา
ดังนั้นข้อสรุปของคณะกรรมการกลางฯ
จึงไม่ได้เป็นไปตามข้อเรียกร้องของสมัชชาคนจนทั้งหมด
สมัชชาคนจนต้องการให้มีการแก้ไข
ปัญหาจึงยินยอมตามคำแนะนำของกรรมการกลางฯ
เช่น
การยอมให้เจ้าหน้าที่กฟผ.เข้าทำงานได้
และถอนออกจากพื้นที่ทำงานของกฟผ.
ตั้งแต่ 1 เดือนที่ผ่านมา
หรือข้อเรียกร้องเรื่องเขื่อนปากมูลนั้น
ข้อเรียกร้องของสมัชชาคนจนคือ
การเปิดประตูน้ำอย่างถาวร
แต่กรรมการ
กลางก็พิจารณาให้เพียงทดลองแขวนประตูน้ำ
4 เดือน
ซึ่งสมัชชาก็จำเป็นต้องยอมรับ
เพื่อให้ความขัดแย้งคลี่คลาย
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีควร
ยอมรับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่กรรมการกลางฯ
เสนอทั้งหมด
เพราะเป็นแนวทางต่ำสุดที่ชาวบ้านจะยอมรับได้และเพื่อเป็นหลักประกัน
ทางนโยบายจึงต้องให้ครม.มีมติเพื่อให้ส่วน
ราชการที่เกี่ยวข้องเริ่มปฏิบัติการแก้ไขปัญหา
รัฐบาลเป็นผู้คัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการกลางทั้งหมด
ในเมื่อกรรมการทั้งหมด
มีมติเป็นเอกฉันท์ในแนวทางการแก้ไขปัญหา
รัฐบาลไม่
ควรมาต่อรองกับสมัชชาคนจนอีก
แต่ควรปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการกลางแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งคลี่คลาย
ชาวบ้านทั้งหมดจะได้กลับบ้านเพื่อไปดำเนินชีวิตตามปกติต่อไป
ด้วยความเคารพ
สมัชชาคนจน
21 กค. 43
|