eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

สารสันติ จากสมัชชาคนจน

                 แต่เดิมพวกเราไม่ใช่คนจน พวกเราเคยมีที่อยู่ มีที่ทำกิน มีชีวิตแบบพอเพียง ซึ่งหล่อเลี้ยงจากธรรมชาติ จากผืนดิน ลำน้ำ แม้พวกเราจะไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่เคยอดอยาก ยากจน ต่อมารัฐบาลก็เอาเขื่อนมาลงตรงบ้านที่เราอยู่ ตรงอู่ที่เราเคยทำมาหา กินมาหลายชั่วอายุคน เมื่อพวกเราคัดค้าน รัฐบาลก็อ้างกฎหมายบังคับขับไล่ แล้วชดเชยการสูญเสียรากฐานชีวิตทั้งหมดของ พวกเราด้วยเศษเงิน และเศษที่ดินกันดาร ซึ่งเพาะปลูกไม่ได้

                ในที่สุดพวกเราก็กลายเป็นคนจน หรือจะพูดให้ถูกต้อง พวกเราถูกกระทำให้ยากจนโดยรัฐบาล และโดยทิศทางการ พัฒนาที่เมืองแย่งชิงทรัพยากรจากชนบท

                รัฐบาลสั่งสอนพวกเราว่าอย่าเห็นแก่ตัว ให้พวกเรายอมเสียสละเพื่อการพัฒนาของประเทศ ถ้าการพัฒนาหมายถึง ชนบทเท่าเทียมกับเมือง หมายถึงชุมชนมีสิทธิในการดูและจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเอง หมายถึงการที่คนไทยทุกถิ่น ทุกที่ มีวิถีชีวิตแบบพอเพียงบนรากฐานของเศรษฐกิจชุมชนอันยั่งยืน

                แต่ถ้าการพัฒนาหมายถึงการที่ชุมชนหลายพันครัวเรือนต้องล่มสลาย ทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ต้องพัง พินาศย่อยยับ เพื่อแลกกับเขื่อนที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ไม่กี่เมกะวัตต์ พวกเราก็ไม่เต็มใจที่จะเสียสละทรัพยากรอันยั่งยืนของ พวกเรา และอนาคตลูกหลานของพวกเรา เพื่อแลกเปลี่ยนกับการพัฒนาอันได้ไม่คุ้มเสีย

                สมัชชาคนจนเดินทางมาหน้าทำเนียบรัฐบาลครั้งแล้วครั้งเล่า มิใช่มาร้องขอในสิ่งที่มิใช่ของพวกเรา แต่พวกเรามา เจรจาเพื่อให้รัฐบาลเป็นตัวกลางจัดการคืนสิ่งที่พวกเราควรจะได้รับ

                สมัชชาคนจนผิดด้วยหรือ ที่มาทวงสิ่งที่พวกเราเคยถูกปล้นชิงไป กลับคืนมา

                สมัชชาคนจนผิดด้วยหรือที่เรียกร้องมโนธรรมสำนึกของรัฐบาล(หากยังหลงเหลืออยู่) ให้ปฏิบัติตามมติของคณะ กรรมการกลางฯ ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมากับมือ

                แทนที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจ สมัชชาคนจนกลับถูกรัฐบาลกล่าวหาว่าไม่รู้จักพอ ร้องขอในสิ่งที่กฎหมายให้ไม่ ได้ เป็นม็อบรับจ้าง เป็นพวกลาวอพยพมาป่วนเมือง ได้รับเงินจากต่างประเทศเพื่อทุบเขื่อน ทั้งที่ชาวชนบทอย่างพวกเรามีวิถี ชีวิตอยู่กับ “วัฒนธรรมแห่งความพอ” มาโดยตลอด ขอให้เชื่อเถิดว่า ถ้าไม่มีเขื่อนมาทับที่ ทับสายน้ำของพวกเรา วันนี้จะไม่มี แม้แต่เงาของพวกเรามาอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

                เรื่องกฎหมายอย่ามาอ้างให้ฟั่นเฟือเลย มิใช่รัฐบาลชุดนี้หรอกหรือที่ฉีกกฎหมายบ้านเมืองทิ้งหลายฉบับ แล้วปลุกเสก กฎหมายใหม่เพื่อโอบอุ้มสถาบันการเงิน โอบอุ้มกลุ่มคนจำนวนน้อยที่ก่อวิกฤติเศรษฐกิจ โอบอุ้มพวกที่ก่อหนี้ท่วมแผ่นดินให้ คนไทยทั้งประเทศแบกรับ

                สมัชชาคนจนเป็นเพียงกลุ่มคนจนชายขอบของสังคมไทย พวกเรามักถูกตำหนิว่าจนเพราะความเกียจคร้าน ได้แล้ว ไม่รู้จักพอ ไม่ว่าเราจะส่งเสียงเรียกร้องอย่างไร คนจนชายขอบอย่างพวกเรา ก็ถูกพิพากษาให้เป็นผู้ร้าย เป็นจำเลยสังคมตลอด กาลอยู่แล้ว

                แต่ผู้ที่ก่อวิกฤติสังคม ก่อวิกฤติเศรษฐกิจและก่อวิกฤติการเมืองตัวจริง ยังลอยนวลอยู่ได้

                หลายวันมานี้ สมัชชาคนจนได้ทบทวนเหตุการณ์แต่ละวันที่ผ่านมา พวกเราถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดใน ชีวิตของพวกเรา บ้านเรือนหรือ แหล่งทำมาหากินหรือ สิ่งมีค่าเหล่านี้พวกเราได้สูญเสียไปหมดแล้ว พวกเราได้รับคำตอบแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเราในเวลานี้คือ “ศักดิ์ศรี” นั่นเอง บ้านเรือน ที่ดิน แหล่งทรัพยากรของพวกเราอาจถูกคนอื่นปล้นชิงเอา ไปได้ แต่ “ศักดิ์ศรี” ของพวกเราไม่ยอมให้ใครดูหมิ่นดูแคลน พวกเรายอมยากจนเงินทอง ยากจนสมบัติพัสถาน แต่ไม่ยอม ยากจนศักดิ์ศรี คนที่มีศักดิ์ศรีเท่านั้น จึงจะยืนหยัดอยู่กับธรรมะ ยืนหยัดอยู่กับความจริงและความถูกต้องได้

                พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเราทรงสอนว่า “ความยากจนเป็นทุกข์”  ความจริงข้อนี้ไม่มีใครซาบซึ้งยิ่งกว่า สมัชชาคนจนอีกแล้ว และ “ความยากจนศักดิ์ศรี เป็นความทุกข์ยิ่งกว่าทุกข์ใด” ในเรื่องพระเวสสันดร พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายัง ทรงสอนอีกว่า “บุคคลพึงสละทรัพย์สินเพื่อรักษาอวัยวะ ยอมสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และเพื่อเห็นแก่ธรรมะ ความถูกต้อง พึง สละแม้ชีวิตเพื่อรักษาธรรมเอาไว้”

                พวกเราได้คิดว่า การรักษาศักดิ์ศรีของคนจน คือการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม เพื่อความถูกต้อง ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อผลประ โยชน์ของตัวเอง เราต้องต่อสุ้เพื่อรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นอันดีงาม เพื่อรักษาแม่น้ำ ขุนเขา ป่าไม้ รวมทังสัตว์ป่า กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งหลาย และเพื่ออนาคตลูกหลาน

                ดังนั้นในวันนี้ พวกเราจึงพร้อมใจกันสมาทานศีล 8 อย่างเคร่งครัด คือ 1. ไม่ทำร้ายผู้ใด  2. ไม่ลักขโมยทำลายทรัพย์ สินของใคร  3. รักษาพรหมจรรย์  4. พูดแต่คำสัจจ์จริงไม่โกหกหลอกลวงใคร  5. ไม่ดื่มสุราอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มัวเมา  6.ไม่กินอาหารหลังเที่ยงวันไปแล้ว สำหรับข้อนี้เราถือเคร่งครัดเป็นพิเศษ คืออดอาหาร ดื่มแต่น้ำ เพื่อให้รัฐบาลและเจ้า หน้าที่ตำรวจแน่ใจว่า พวกเราจะไม่มีเรี่ยวแรงปีนป่ายกำแพง เข้าไปร้องขอความเป็นธรรมจากคนในตึกไทยคู่ฟ้าอีก

                ข้อ 7 งดเว้นจากการละเล่น สนุกสนานเฮฮา และการประดับตกแต่งร่างกาย  ข้อ 8 ไม่นั่งนอนเตียงตั้งสูงใหญ่ ปูด้วย ฟูกอ่อนนุ่ม ซึ่งข้อนี้สมัชชาคนจนทุกคนปฏิบัติเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะนั่งนอนอยู่บนพื้นซีเมนต์ข้างถนนอยู่ทุกวัน

                การถือศีลอดครั้งนี้พวกเรามิได้กระทำเพื่อทรมานร่างกาย แต่เพื่อควบคุมจิตใจตนเอง มิได้กระทำเพื่อประท้วงรัฐบาล หรือประท้วงสังคม แต่อดอาหารเพื่อรักษาธรรมะ อดอาหารเพื่อสื่อความจริงของปัญหาความยากจน ว่าความยากจนในเวลานี้ มิใช่เกิดจากความเกียจคร้านของบุคคล แต่เกิดจากแผนการพัฒนาและนโยบายทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดความยากจนทาง โครงสร้าง แผ่ขยายไปทั่วทั้งสังคมไทย

                เวลานี้มีคนจนจำนวนมหาศาลตกอยู่ในสภาพที่อดอยาก หิวโหย พวกเราเป็นเพียงภาพที่สะท้อนปัญหาความอดอยาก ทางโครงสร้างของคนจนจำนวนนับล้านคนในประเทศนี้

                ในระหว่างถือศีลอด พวกเราขอแผ่เมตตาและความหวังดีให้แก่รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ต้องมาอดตาหลับ ขับตานอน พวกเราไม่ถือว่าพวกท่านเป็นศัตรู ศัตรูที่แท้จริงของพวกเรา คือโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมอันอยุติธรรม ซึ่ง พวกเราและรัฐบาลรวมทั้งคนทุกคนในสังคมไทยต้องร่วมมือกันแก้ไข

                หากท่านคิดว่ายังเป็นรัฐบาลของประชาชนอยู่ ท่านควรให้ความเป็นธรรมในการแก้ปัญหาความยากจน เช่นเดียวกับ การแก้ปัญหาวิกฤติทางการเงิน ที่ท่านยอมแก้กฎหมาย หลักการ และกฎระเบียบ ฉันใดก็ฉันนั้น การแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นปัญหาโครงสร้าง ต้องแก้ไขในระดับนโยบาย ซึ่งรัฐบาลต้องกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับระบบราชการ

                อย่างไรก็ตาม ลำพังรัฐบาลและสมัชชาคนจนคงไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ หากต้องอาศัยพลังทางสติปัญญา ของคนในสังคมไทยทั้งมวล มาช่วยกันแสวงหาทางออกที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย การแก้ปัญหาความยากจนอันเกิดจากการแย่งชิง ทรัพยากร ซึ่งมีเขื่อนเป็นสัญญลักษณ์นั้น มิใช่เป็นการแก้ปัญหาความยากจนของสมัชชาคนจน 3-4 พันคนที่อยู่หน้าทำเนียบ เท่านั้น แต่จะเป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาความยากจนโดยโครงสร้างกรณีอื่นๆในสังคมไทยทั้งหมดด้วย

                อย่าลืมว่าสังคมไทยยังเป็นสังคมแบบปิระมิด แม้รัฐบาลจะพยายามตกแต่งยอดปิระมิดให้ดูสวยสูงตระหง่านตระการ ตาเพียงใด แต่ถ้าฐานปิระมิด ซึ่งประกอบด้วยคนจนเป็นจำนวนมหาศาล ไม่ได้รับการซ่อมแซมในระดับโครงสร้าง และใน ระดับนโยบายแล้ว ในไม่ช้ายอดปีระมิดอันสูงตระหง่าน ก็จะล้มครืนลงมา ซึ่งเป็นวิกฤติการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น หากรัฐบาลและ ทุกคนในสังคมไทยยังมีมโนธรรมสำนึกกำกับปัญญาอยู่

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา