แถลงการณ์สมัชชาคนจน
แม่มูนมั่นยืน
7 ถูกไล่รื้อ
นี่หรือการแก้ปัญหาของรัฐบาล
วันที่ 3 กันยายน
2543
ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ได้ปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลบานแรก
มาตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม
และได้ปิดเพิ่มเป็น บานที่
2 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2543
ขณะที่ชุมชน 2
ฝั่งแม่น้ำมูลกำลังประสบอุทกภัยอย่างรุนแรง
จนต้องอพยพหนีน้ำขึ้นมาสร้างที่พักชั่วคราวอยู่
เรียงรายริมถนน สายอุบล
วารินชำราบ
นอกจากเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อมติคณะรัฐมนตรี
ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดของฝ่ายบริหาร
แล้วยัง
เป็นการกระทำที่ไร้มนุษย์ธรรมโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมชาติแล้ว
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ยังคงพยายามสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูล
ที่ตั้ง
ชุมชนแม่มูนมั่นยืน 7
อยู่บริเวณสันเขื่อนปากมูล
ด้วยการนำชาวบ้านที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ได้จัดตั้งไว้จำนวน 100
กว่าคน
เข้ารื้อถอนที่พักของชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่อย่างสงบจำนวนกว่า
10 หลังไปกองไว้หน้าป้อมยาม
ทั้งที่ในขณะนั้นมีผู้อาศัยอยู่ในบ้านเรือนที่
ถูกรื้อถอนถึง 20 กว่าชีวิต
แต่เนื่องจากชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่
ตั้งมั่นในหลักการสันติวิธี
จึงไม่เกิดเหตุรุนแรงเสียเลือดเนื้อขึ้น
เหตุการณ์ดัง
กล่าวเกิดข้นเมื่อเวลา
ประมาณบ่ายโมง ของวันที่ 1
กันยายน 2543
การกระทำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
ที่พยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
ให้พี่น้องชาวบ้านหันมา
ประหัตประหารกันเองนั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่สมัชชาคนจนได้จัดตั้งหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
1 มาตั้งแต่ 23 มีนาคม 2543
แต่รัฐบาลก็ยังคงนิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
และตั้งหน้าตั้งตา
ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าการแก้ปัญหาคืบหน้าไปมากแล้ว
เป็นการกระทำที่เรียกได้ว่าหน้าเนื้อใจเสีย
สร้างภาพแหกตาประชาชน
เหยียบย่ำ คนจนเรื่อยไป
สมัชชาคนจน
จึงขอวิงวอนไปยังสาธารณะให้ร่วมกันยับยั้งพฤติกรรมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
แห่งประเทศไทย
โดยเรียกร้องให้รัฐบาลแสดง
ความจริงใจในการแก้ปัญหาสมัชชาคนจนอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน
แทนการยุยงให้คนไทยฆ่ากัน
เชื่อมั่นในพลังสันติวิธี
สมัชชาคนจน
|