แถลงการณ์สมัชชานักวิชาการเพื่อคนจน
ขอประณามความรุนแรงที่เขื่อนปากมูล
การใช้ความรุนแรงเข้าเผาหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
๑ และ ๗
และทำร้ายร่างกายชาวบ้านสมัชชาคนจนโดยกลุ่มจัดตั้งของการไฟฟ้า
ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความร่วมมือ
เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน
ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ ๒๐
พฤศจิกายน เป็นเหตุให้
ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส
๓ คน และบาดเจ็บอีกกว่า ๓๐ คน
หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน ๑
และ ๗ ถูกเผาวอดทั้งหมด
นับว่าเป็นพฤติกรรมที่
ป่าเถื่อน
และจะเป็นแบบอย่างของการจัดการปัญหาความขัดแย้งที่จะนำสังคมของเราทั้งหมดเข้าสู่ความรุนแรงหนักมากขึ้นอย่างน่าวิตก
อย่างไรก็ตาม
พวกเรามีความเห็นว่า
ความรุนแรงป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นนี้สัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกจากนโยบายพลังงาน
และการจัดการน้ำ
ซึ่งรวมศูนย์และพล่าผลาญทำลายทรัพยากรของท้องถิ่นอย่างหนัก อันเป็นนโยบายที่ประเทศไทยได้ดำเนินสืบเนื่องมา
เป็นเวลานาน หากทว่าในบัดนี้ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ
ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงการเหล่านี้
ไม่อาจยอมนิ่งเฉยปล่อยให้
ส่วนกลางแย่งชิงทรัพยากรและวิถีชีวิตของตนไปอย่างยอมจำนนสิ้นเชิงดังแต่ก่อน จึงได้เกิดความเคลื่อนไหวของประชาชนในท้องถิ่น
ต่างๆ ทั่วประเทศ
ต่อต้านคัดค้านโครงการในลักษณะนี้ตลอดมา กรณีปากมูลก็เป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวคัดค้านที่กว้างใหญ่ไพศาล
ดังกล่าว
น่าเสียดายที่ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา
รัฐบาลได้เลือกที่จะเผชิญกับความขัดแย้งเชิงนโยบายนี้ด้วยความรุนแรงเสมอมา ก่อให้
เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อและทรัพย์สินโดยไม่จำเป็น รัฐบาลได้เปลี่ยนรัฐไทยให้กลายเป็นเครื่องมือที่โหดร้ายในการปราบประชาชน
อย่าง
ป่าเถื่อนมาหลายครั้งหลายหน ฉะนั้นจึงพอมองเห็นได้ว่า
ความขัดแย้งเชิงนโยบายดังกล่าวจะนำประเทศไปสู่ความรุนแรงที่หนักขึ้นอย่าง
ไม่อาจประมาณได้
ดังกรณีการใช้ความป่าเถื่อนกับชาวบ้านในหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนครั้งนี้
ก็ประจักษ์ชัดว่าแผนของฝ่ายอันธพาลได้รับความ
เห็นชอบจากระดับสูงในรัฐบาลอย่างไม่ต้องสงสัย
เพื่อรักษาสังคมของเราให้เป็นสังคมแห่งสันติประชาธรรม สามารถแก้ไขความขัดแย้งกันได้โดยสันติและสร้างสรรค์ สมัชชา
นักวิชาการเพื่อคนจนใคร่เรียกร้องให้ประชาชนไทยร่วมกันผลักดันให้เกิดการทบทวนนโยบายพลังงานและการจัดการน้ำ กระจายอำนาจ
การตัดสินใจออกไปจากศูนย์กลาง
และวางนโยบายที่เป็นธรรมแก่คนทุกกลุ่มโดยเฉพาะคนด้อยโอกาสในท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็ใช้
ดุลยพินิจให้รอบคอบในการเลือกพรรคการเมืองที่พร้อมจะร่วมมือกับประชาชนในอันที่จะทบทวนนโยบายดังกล่าว ก่อนที่นักการเมือง
จะนำประเทศเราไปสู่สภาพมิคสัญญี
๒๐
พฤศจิกายน ๒๕๔๓
แถลงโดย
อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์
ความเห็นเพิ่มเติมหรือต้องการสัมภาษณ์นักวิชาการ
ติดต่อ ๐๕๓-๒๗๘๓๓๔
|