คำประกาศสมัชชาคนจน
วิกฤติคนจนคือวาระของแผ่นดิน
แก้ปัญหาคนจนคือแก้ปัญหาของชาติ
วันที่ 6
พฤศจิกายน 2543
นับจากรัฐบาลพลเอกชวลิต
ยงใจยุทธ
ได้ประกาศลาออกเมื่อวันที่
6 พฤศจิกายน 2540
โดยต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน
2540 รัฐบาลนายชวน
หลีกภัยได้ขึ้นมาบริหารประเทศอีกครั้งและกำลังจะครบ
3 ปีอีก 3 วันข้างหน้า นับเป็น
3 ปีที่ยาวนาน
สำหรับความทุกข์ยากของแผ่นดิน
ซึ่งภาคประชาชน คนจน คนงาน
ชาวนา ชาวไร่
ผู้ทุกข์ยากทั้งแผ่นดินถูกกระทำทั้งทางตรง
และทางอ้อม
ทั้งเชิงนโยบายและการเลือกปฎิบัติจากรัฐบาลชุดนี้อย่างเจ็บปวดแสนสาหัส
มากจนนับกี่ครั้งมิถ้วนที่เลือดคนจนชาวนา
ชาวไร่ต้องนองทาทั้งแผ่นดิน
มากจนนับครั้งมิถ้วนที่ข้อตกลงผลการเจรจาและ
สัญญาถูกยกเลิกบิดเบือนด้วยลมปากนักการเมือง
เหล่านี้คือบทสะท้อนสามปีของรัฐบาลที่ขาดการเอาใจใส่จริงจังต่อปัญหา
คนยากจน
สะท้อนนโยบายรัฐที่ยึดระเบียบกลไกราชการและความเห็นของข้าราชการเป็นใหญ่
เหล่านี้ล้วนตอกย้ำความเป็น
รัฐบาลนายกลูกชาวบ้านชื่อ
ชวน หลีกภัย
ที่ไม่เข้าใจปัญหาคนจน
กระทั่งฐานะการเคลื่อนไหวของคนจน
ถูกบิดเบือนกลายเป็นอาชญากรของรัฐ
ดังปรากฏตัวแทนเครือข่ายองค์กรชาวบ้านถูก
กลไกรัฐกลั่นแกล้งแจ้งความดำเนินคดีนับร้อยๆ
คดี ดังคำกล่าวที่ว่า คนดีนอนคุก
คนทุกข์นอนตะราง
เหล่านี้คือท่าทีแบบเดิมๆ
คือประสบการณ์ล้มเหลวซ้ำซาก
ตลอดสามปีของรัฐบาลนายชวนหลีกภัยที่มองการชุมนุมเคลื่อน
ไหวของประชาชนเป็นศัตรู
และมุ่งสลายการชุมนุมรวมกลุ่มของประชาชน
มากกว่าการสร้างสรรค์นโยบายที่จะมุ่งแก้ปัญหาที่
ต้นตอสาเหตุที่แท้จริง
ภาพการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนทุกข์คนยาก
โดยการใช้ความรุนแรงด้วยกลไกกองกำลังเจ้าหน้าที่
ตำรวจเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในทุกพื้นที่ความทุกข์ของแผ่นดิน
มากจนนับครั้งมิถ้วน
สามปีของรัฐบาลนายชวน
หลีกภัย สำหรับเรา
สมัชชาคนจน
เครือข่ายประชาชนผู้ประสบชะตากรรมจากโครงการ
พัฒนาของรัฐ
สิ่งที่ปรากฏคือความลำเอียงทางชนชั้น
และท่าทีเยี่ยงนี้ถือว่ารัฐบาลเป็นอุปสรรคพัฒนาประชาธิปไตยที่ให้อำนาจ
การมีส่วนร่วมต่อประชาชนเจ้าของประเทศ
ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่เราสมัชชาคนจนเท่านั้นที่ถูกกระทำ
รัฐบาลแล้งน้ำใจ
ได้กระทำต่อคนจนทั้งแผ่นดินอย่างยากแค้นสาหัส
ทั้งการขึ้นภาษีสรรสามิตน้ำมัน
ราคาสินค้าบริโภค
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
ที่ยอมจำนนต่อองค์กรทุนข้ามชาติ
ทั้งนี้ก็เพียงเพื่อช่วยรัฐบาลอุ้มประกันนายทุน
คนรวย ดังสามปีที่ผ่านมา
ชาวนาผู้ทุกข์ยาก
ได้ฆ่าตัวตายเยี่ยงเช่นคำกล่าวที่ว่า
ชวนมา ชาวนาตาย
ปรากฏการณ์เช่นนี้สะท้อนภาพรวมทิศทางการพัฒนาประเทศ
กว่า 40 ปีที่ผ่านมา
คือสาเหตุหลักแห่งการแย่งชิงทรัพยากรจาก
ภาคชนบทมาตอบสนองความต้องการมั่งคั่งร่ำรวยของภาคอุตสาหกรรมนายทุน
ในนามของการพัฒนา
ทำให้ชุมชนท้องถิ่นที่
เคยพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตได้ถูกโครงการพัฒนาของรัฐเข้ามาแย่ง
ชิงทรัพยากรเหล่านั้น
ยิ่งต้อง
ประสบกับภาวะแห่งความแร้นแค้น
รัฐในนามของผู้ทำลายไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
ชุมชนที่เคยสงบสุข
ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
นั่นคือพัฒนาการการต่อสู้เรียกร้องปกป้องสิทธิอันพึงมีพึงได้ของตนเองในที่สุด
ในนามเครือข่ายองค์กรประชาชนคนทุกข์ยากทั่วทั้งแผ่นดิน
นับตั้งแต่บัดนี้
ในนามแห่งความยากจน
เราขอประกาศว่า
เรามิอาจยินยอมต่อนโยบายและกลไกแห่งรัฐที่ไม่เป็น
ธรรมทั้งปวงกระทำต่อคนจนผู้เป็นประชาชนส่วนใหญ่อีกต่อไป
เราขอยืนยันว่า ไม่ว่าใคร
กลุ่มคนใด พรรคการเมืองใดๆ
ก็ตามที่จะขึ้นมาบริหารประเทศ
หากคงยังเพิกเฉยไม่แก้ไขปัญหาคนจนอย่างเข้าใจจริงใจโดยเร่งด่วนแล้ว
คณะรัฐบาลเหล่านั้น
จักต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวของคนทุกข์ยากทั้งแผ่นดินอย่างมหาศาล
เพื่อผลักดันให้สังคมไทยได้ปลดปล่อยปัญหาความ
ยากจน
เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่ประชาชนสามารถกินได้อยู่ดีอย่างสันติสมบูรณ์โดยเร็ว
|