แถลงการณ์สมัชชาคน
เราจะสืบสานตำนานวีรชนคนเดือนตุลาฯ
เนื่องในวันที่
14 ตุลาคม
นับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง
ของประชาชน
ในการเรียกร้องประชาธิปไตย
เป็นประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่ประชาชนคนไทยต้องจดจำจารึก
และสืบสานตำนานการต่อสู้ของเหล่าวีรชนนี้ต่อไปสู่รุ่นลูกหลาน
สมัชชาคนจนถือเป็นหนึ่งในผลผลิตของการต่อสู้เรียกร้องในยุคนั้น
หากแต่การเรียกร้องต่อผู้มีอำนาจในขณะนี้เป็นไปเพื่อความอยู่รอดของชีวิต
เพื่อความยั่งยืนของธรรมชาติ
ของชุมชน
เป็นการเรียกร้องเพื่อเอาธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์กลับคืนมา
ซึ่งจะนำไปสู่การสืบทอดภูมิปัญญาอันมีค่าต่อไปในอนาคต
ด้วยเรารู้ว่ามีแต่การพึ่งพาธรรมชาติเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตอยู่อย่างยั่งยืนได้
แม้ในปัจจุบันมันได้ถูกทำลายลงด้วยโครงการพัฒนาขนาดใหญ่
เช่น
โครงการการสร้างเขื่อน
ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม
เรายังมีความหวังว่าธรรมชาติเหล่านั้นยังสามารถฟื้นฟูให้ดีดังเดิมขึ้นมาได้
เราจะยังสามารถพึ่งพาอาศัยความอุดมสมบูรณ์เหล่านั้นได้
หากแต่ได้รับความเข้าใจ
ความเห็นใจจากทุกส่วนในการฟื้นคืนธรรมชาติเหล่านั้นคืนมา
เราสมัชชาคนจน
ซึ่งเป็นองค์กรประชาชนที่ทำหน้าที่เพื่อรักษาสิทธิมนุษยชนและปกป้องสิ่งแวดล้อม
ขณะนี้เราเรียกร้องเพื่อให้ได้แม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์กลับคืนมา
การเดินทางไกลจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
ปลายทางที่กรุงเทพฯในขณะนี้นั้น
เป็นไปเพื่อการสร้างความเข้าใจและขอประชามติจากประชาชนชาวอีสานและประชาชนทั่วไปตามชุมชนต่างๆ
ที่ผ่านไป
เพื่อขอการสนับสนุนในการเปิดประตูระบายน้ำ
เขื่อนปากมูลและเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร
มิได้เป็นการกดดันรัฐบาล
แต่อย่างไร
แม้จะยากลำบากเพียงใด
เราก็จะไม่ย่อท้อ
เพื่อชีวิตที่ดีดังเดิมจะได้กลับคืนมา
ลูกหลานของเราจะไม่ต้องออกจากหมู่บ้านไปขายแรงงานราคาถูกให้กับนายทุนต่างถิ่น
ชุมชนของเราจะสงบสันติดังที่เคยเป็นมาในอดีต
ในวันนี้
เราได้ทำพิธีรำลึกวีรชนคนเดือนตุลา
ที่ได้ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย
และถูกปราบปรามจนเสียชีวิต
ถูกจับกุมคุมขัง ในวันที่ 14
ตุลาคม 2516 ที่ผ่านมา
วีรชนเหล่านี้นับเป็นแบบอย่างในการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความถูกต้องเป็นธรรมในสังคม
เราสมัชชาคนจนก็เช่นเดียวกัน
เราจักสานต่อเจตนาของวีรชน
ความเป็นธรรมจักต้องเกิดขึ้นในสังคมไทย
ประชาชนจักต้องเป็นผู้กำหนดอนาคตของตนเอง
ด้วยจิตคารวะ
ขบวนเดินเท้าทางไกล
สมัชชาคนจน
14 ตุลาคม 2544
****************************************************
ขบวนเดินเท้าคนจนร่วมรำลึก
28 ปี 14 ตุลา
สืบสานตำนานประชาชน
ขบวนคนจนเข้าสู่เมือง
ทำพิธีรำลึกเหตุการณ์ 14
ตุลา
พร้อมเร่งออกชี้แจงคนเมือง
ก่อนเดินทางต่อ
การเดินเท้าทางไกลเพื่อรณรงค์ให้
เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลและเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร
เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ ชีวิต
ชุมชนคนลุ่มน้ำมูน
ซึ่งได้เริ่มออกเดินตั้งแต่วันที่
9 ตุลาคม 2544
การเดินเท้าทางไกลของสมัชชาคนจนได้ดำเนินมาเป็นระยะเวลา
6 วันแล้ว
ซึ่งในเที่ยงวันที่ 14
ตุลาคม 2544
ขบวนเดินเท้ารณรงค์ของสมัชชาคนจนได้เข้าสู่ตัวเมืองอุบลราชธานีแล้ว
โดยได้ขอเข้าพักที่วัดปากห้วยวังนอง
อำเภอเมืองอุบลราชธานี
ซึ่งได้รับความร่วมมือและให้การเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ
อบต.กุดลาด
ในวันนี้สมัชชาคนจนได้ร่วมกันรำลึกเหตุการณ์
14 ตุลาคม 2516
ซึ่งถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของประชาชนอีกหน้าหนึ่ง
ที่จะต้องจดจำจารึกไว้ในใจ
โดยในเวลา 14.00 น.ชาวบ้าน
กว่า 100 คนได้รวมตัวกัน ณ
สนามหญ้าวัดห้วยวังนอง
จากนั้น นายยงยุทธ นวนิยม
ได้กล่าวว่า "วันนี้เป็นวันครบรอบ
28 ปี
ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์
14 ตุลาคม
ซึ่งถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของประชาชนในการเรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย
ในการเรียกร้อง
มีการสูญเสียชีวิต
เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรชนเหล่านั้น
ให้พี่น้องสงบนิ่ง ๓ นาที"
ภายหลังการสงบนิ่ง
รำลึกถึงวีรชน นายเจน
พิมพดี
ตัวแทนชาวบ้านได้นำสวดมนต์
ไหว้พระ สวดอิติปิโส
เมื่อพิธีกรรมเสร็จสิ้น
นายยงยุทธ ยวนิยม
ได้อ่านแถลงการณ์ "เราจักสืบสานตำนานวีรชนคนเดือนตุลาฯ"
นายยงยุทธ
กล่าวภายหลังพิธีรำลึกวีรชน
ว่า
พวกเราคือผลผลิตหนึ่งของวีรชนเดือนตุลา
ที่เรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพ
การเคลื่อนไหวของพวกเราที่ทำได้ในปัจจุบันนับเป็นผลจากความเสียสละ
ความบากบั่น
ของวีรชนเหล่านั้น ดังนั้น
พวกเราจึงไม่ย่อท้อที่จะเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรม
ซึ่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
แม้ว่าการเรียกร้องในยุคสมัยนี้
กับเมื่อก่อนประเด็นจะแตกต่างกันไปบ้าง
แต่เราต้องสู้กับรัฐเหมือนกัน
ทั้งก่อนและปัจจุบัน
การต่อสู้เพื่อให้ได้ธรรมชาติกลับคืนมาแม้ว่าคนทั่วไปจะมองว่าเป็นเรื่องยาก
แต่เรายังมีความหวัง
หวังว่าจะได้มันกลับคืนมา
และเราจะสู้ต่อไป
เราจะสืบสานตำนานของวีรชนคนกล้าเหล่านั้น
และจะสืบทอดไปสู่รุ่นลูกหลานของเรา
นายยงยุทธกล่าว
นายเจน พิมพดี อายุ 72
ปี ชาวบ้านบ้านดอนพันชาด
กล่าวว่า
การเดินทางของพวกเราในครั้งนี้
แม้จะมีอุปสรรคบ้าง เช่น
ผู้ใหญ่บ้านบางหมู่บ้านไม่ยอมให้พักในวัด
ต้องไปประสานหมู่บ้านอื่น
ซึ่งก็ได้รู้ว่า
ชาวชุมชนแถบนี้ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก
ให้ที่พักพาอาศัยพวกเรา
การที่เขาไม่สนับสนุนให้ที่พักนั้น
คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะคนเราย่อมมีความคิดเป็นของตนเอง
ที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ
แต่เรามีหน้าที่ที่จะต้องให้ข้อมูล
ที่เป็นจริงกับพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นหลังการสร้างเขื่อน
เกิดอะไรขึ้นหลังการทดลองเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล
4 เดือน ต้องทำให้เขายอมรับ
ให้เขาเห็นด้วยกับการเอาแม่น้ำมูนกลับคืนมา
เราต้องทำต่อไป
อุปสรรคเหล่านี้ถือว่าเล็กๆ
น้อยๆ
ที่เราคิดเอาไว้แล้วว่าเราต้องเจออยู่แล้ว
แต่เราก็มั่นใจว่าคงไม่มีใครใจจืดใจดำถึงกับไม่ให้ที่พักของพวกเราอย่างแน่นอน
นายเจนกล่าวในที่สุด
ในระหว่างทางจากเขตอำเภอดอนมดแดงถึงอำเภอเมืองได้มีการรณรงค์บอกกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินเท้าทางไกลในครั้งนี้
และได้มีการเชิญชวนให้ประชาชนสองข้างทางที่ช่วยสนับสนุนให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดประตูระบายน้ำ
เขื่อนปากมูลอย่างถาวร
ซึ่งประชาชนสองข้างทางก็ให้ความสนใจเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะประเด็นของน้ำท่วมไร่นาและอาชีพหาปลาของชาวลุ่มน้ำมูน
การเดินเท้าทางไกลชาวบ้านผู้เป็นอาสาสมัครสมัชชาคนจนยังคงมุ่งหน้าเดินทางต่อไปเพื่อให้ธรรมชาติและวิถีชีวิต
ที่อุดมสมบูรณ์กลับคืนมา
การเดินเท้าทางไกลนั้นแม้จะมีความเมื่อยล้าและเหนื่อยอ่อนบ้างเป็นธรรมดา
แต่ก็ยังคงเดินต่อไปไม่หวั่นไหวกับอุปสรรคนานา
เพราะต่างเชื่อมั่นว่าในการเดินเท้าทางไกลครั้งนี้จะสามารถบอกกล่าวข้อมูลความเป็นจริงเกี่ยวกับผลดีของการเปิดประตูระบายน้ำ
เขื่อนปากมูลอย่างถาวร
และจะได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องชาวลุ่มน้ำมูนด้วยกันเพื่อให้รัฐบาลตัดสินใจเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล
อย่างถาวรเพื่อคืนธรรมชาติและวิถีชีวิตให้กับคนลุ่มน้ำมูน
ในช่วงการพักแรม
ชาวบ้านที่ร่วมขบวนได้ลงไปหาอยู่หากิน
ในแม่น้ำบ้าง
ในที่นาที่ว่างเปล่าบ้าง
ซึ่งวันหนึ่ง ก็ได้กบ เขียด
ปลา
มาเป็นเสบียงในการเดินทางได้
โดยใช้เครื่องมือที่ทำขึ้นขณะพัก
เช่นแงบจับกบ เบ็ดกบ
เบ็ดคันงอ เป็นต้น
ทำให้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารไปได้มาก
ในวันพรุ่งนี้จะได้จัดขบวนออกรณรงค์ตามชุมชนต่างๆ
ในตัวเมืองอุบลราชธานี
เพื่อทำความเข้าใจกับคนเมืองอีกครั้งหนึ่ง
รายงานจาก
ขบวนเดินเท้าทางไกล
14 ตุลาคม 2544 |