แถลงการณ์เครือข่าย
๓๒
องค์กรภาคเหนือและสมัชชานักวิชาการเพื่อคนจนฉบับที่
๓
สืบเนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมของสมัชชาคนจนที่เขื่อนปากมูลขณะนี้
ส่อไปในทางทางที่จะเกิดความรุนแรงโดย
ไม่จำเป็น เครือข่าย ๓๒
องค์กรภาคเหนือ
จึงใคร่ขอเสนอทางเลือกในทางสันติวิธี
และเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมดังนี้
๑)เป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่า
การชุมนุมของประชาชนในครั้งนี้
จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมบัติส่วนรวม
ดังที่สมัชชาคน
จนได้ยืนยันในเรื่องนี้หลายครั้งหลายหน
และสืบมาจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าผู้ชุมนุมจะทำอันตรายแต่อย่างไรต่อสมบัติ
ของส่วนรวม ฉะนั้นรัฐและกฟผ.จึงควรยุติการกดดันในทุกรูปแบบลงเสีย
โดยเฉพาะการใช้สื่อของรัฐด้านเดียวในการบิด
เบือนข่าวสารข้อมูลในครั้งนี้
การปกปิดความผิดพลาดของเขื่อนปากมูล
และการจัดฝูงชนออกมาเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม
บรรยากาศที่เงียบสงบขึ้นจะเป็นหนทางนำไปสู่การเจรจา
และยุติความขัดแย้งได้โดยสันติวิธี
และเป็นธรรม
๒)นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่า
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้เป็นภาระหน้าที่ของกฟผ..เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปิดเขื่อนหรือไม่
ในขณะเดียวกันก็ปัดความรับผิดชอบเกี่ยวกับการชุมนุมให้ทางจังหวัดเป็นผู้จัดการ
โดยไม่มีแนวนโยบายอย่างใดให้หน่วย
งานดังกล่าวใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
เครือข่าย ๓๒
องค์กรภาคเหนือเห็นว่า
การปัดความรับผิดชอบเช่นนี้ของผู้นำ
ฝ่ายบริหารจะยิ่งส่งผลให้เกิดความรุนแรงในสังคมมากขึ้น
เหมือนสร้างสูญญากาศการตัดสินใจขั้นสุดท้ายและการบริหาร
บ้านเมืองให้เกิดขึ้นโดยขาดความรับผิดชอบ
๓)ในสถานการณ์เช่นนี้
ทางออกที่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยและเป็นธรรมได้ดีที่สุดก็คือการนำเอารายงานการศึกษา
ของคณะกรรมการเขื่อนโลกนำมาประกอบการตัดสินใจ
คณะกรรมการชุดนี้เป็นคณะกรรมการอิสระ
ตั้งขึ้นโดยธนาคารโลก
และองค์กรที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
๕๖ องค์กร ๓๔ ประเทศ
เขื่อนปากมูลเป็นหนึ่งในสิบของเขื่อนทั่วโลก
ที่คณะกรรมการเลือก
หยิบขึ้นมาศึกษาโดยเจาะลึก
และรัฐบาลก็ได้ให้ความเห็นชอบกระบวนการศึกษานี้
ในขณะที่กฟผ.
ก็ได้เข้าร่วมในกระบวน
การนี้ด้วย
วิธีเช่นนี้จะสามารถระงับความขัดแย้งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการตั้งอนุญาโตตุลาการ
เพราะรายงานการศึกษานี้มี
ข้อมูลและข้อเสนอแนะที่มีฐานอยู่บนการศึกษาที่ละเอียดรอบด้านอยู่แล้ว
จึงจะช่วยให้การตัดสินใจของรัฐเป็นไปอ่างมี
ประสิทธิภาพและความเป็นธรรมได้ง่าย
เครือข่าย ๓๒
องค์กรภาคเหนือ
และสมัชชานักวิชาการเพื่อคนจน
๑๙
พฤษภาคม ๒๕๔๓
|