แถลงการณ์ฉบับที่
3
ปากมูนชนะคดี
บทพิสูจน์นิติธรรม
วันนี้เวลา
9.00 น.นายชาญวิทย์ ทรงสว่าง ผู้พิพากษา
บัลลังก์ 3 ได้อ่านคำพิพากษา
ยกฟ้องคดีประวัติศาสตร์การต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อมของชาวบ้านปากมูน
โดยคดีดังกล่าวการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้เป็นผู้กล่าวหา
น.ส.วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์
และนายทองเจริญ สีหาธรรม
ว่าเป็นผู้นำการมั่วสุมจำนวนคนเกินกว่า
10 คนขึ้นไป
ก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง
บุกรุกและทำลายทรัพย์สินของรัฐ
(กฟผ.)
กระทำการดูหมิ่นและหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน
ในกรณีการชุมนุมของชาวบ้านปากมูนที่บริเวณหัวงานเขื่อนปากมูน
อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2536
และการชุมนุมคัดค้านการระเบิดแก่งหินในแม่น้ำมูนเมื่อเดือนธันวาคม
พ.ศ 2536 ซึ่งการชุมนุมของชาวบ้านปากมูนทั้งสองครั้ง
ได้กระทำอย่างต่อเนื่องเพื่อขอให้รัฐบาลทบทวนการก่อสร้างโครงการเขื่อนปากมูนในสมัยนั้น
(รัฐบาลชวน 1)
ให้มีการศึกษาผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน
เพราะโครงการก่อสร้างเขื่อนปากมูนเพิ่งดำเนินการไปได้เพียง
10 %
หากรัฐบาลรับฟังความเห็นของชาวบ้าน
นักวิชาการ
นักสิ่งแวดล้อมในสมัยนั้น
ปัญหาเขื่อนปากมูนก็คงไม่ยืดเยี้อบานปลาย
ก่อให้เกิดความเสียหายอย่า
งมหาศาล
ทั้งเม็ดเงินที่ลงทุนไปแล้วและสิ่งแวดล้อม
ความล่มสลายของชุมชนเป็นจำนวนมากมาย
นอกจากไม่รับฟังแล้วยังใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกเครื่องแบบ
อันธพาลรับจ้างเข้าทุบตีและสลายการชุมนุมของชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
รวมทั้งตั้งข้อกล่าวหาจับกุมตัว
แทนของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นที่ปรึกษาของชาวบ้าน
คือน.ส.วนิดา
ต้องขึ้นศาลยืดเยื้อถึง 9 ปี
วันนี้
ศาลได้ตัดสินยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา
นั่นหมายความว่า
ขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้องอย่างสันติวิธีของชาวบ้านปากมูนที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า
10 ปีนั้น
ได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องการรักษาวิถีชีวิตแบบพอเพียง
รักษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เราขอขอบคุณศาลสถิต
ยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านผู้ถูกรังแกและเราหวังว่าการตัดสินของศาลจะเป็นบรรทัดฐาน
ที่ดีในการที่รัฐจะนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนตามหลักการนิติรัฐ
นิติธรรม
อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็ยังแจ้งข้อกล่าวหา
น.ส.วนิดา
และแกนนำชาวบ้านอีกหลายข้อกล่าวหา
หลายคดีความ
ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีในชั้นตำรวจและอัยการ
รวมทั้งการไม่ออกใบอนุญาตเดินทางไปต่างประเทศให้กับ
น.ส.วนิดาและแกนนำปากมูนอีกหลายคน
เป็นเวลามากว่า 4 ปีแล้ว
ดังนั้น
เราจึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาล
ได้ใช้หลักนิติธรรม
ดังเช่นศาลยุติธรรมด้วยการถอนฟ้องข้อกล่าวหาทั้งหมดรวมทั้งอนุญาตให้บุคคลดังกล่าวข้าง
ต้นสามารถเดินทางทั้งในและนอกราชอาณาจักรได้อย่างมีเสรีภาพดังที่บรรญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
พ.ศ 2540
ด้วยจิตคารวะ
สมัชชาคนจน
หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
29
มี.ค 45
|