แถลงการณ์สมัชชาคนจน
สมัชชาคนจนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
ผลการประชุมของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนที่มีนายปองพล
อดิเรกสารเป็นประธาน
ได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการปิดกั้นการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ
การพิจารณาปัญหาที่ขาดการทำการบ้านของกรรมการแต่ละคนที่เป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาในแต่ละกรณี
การใช้ความเห็นของทางราชการเป็นหลักในการพิจารณาแก้ไขปัญหา
การเลือกหยิบเฉพาะระเบียบราชการที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของหน่วยงานนั้นเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา
ดังมีรายละเอียดเฉพาะกรณี
ที่ยกตัวอย่างได้ดังต่อไปนี้
1.กรณีราษีไศลและเขื่อนหัวนา
ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบเรียกร้องให้ประเมินผลความคุ้มค่าของเขื่อนราษีไฉลที่สร้างปิดกั้นลำน้ำมูลมา 10 ปี
และเสนอแผนฟื้นฟูชีวิตและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ
แต่กระทรวงวิทยาศาสตร์ และ
กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเจ้าของโครงการกลับไม่ยอมรับความผิดพลาด
ที่ไม่ได้ประเมินผลกระทบทางต้นสิ่งแวดล้อมและสังคมแต่แรกปฏิเสธการเจรจาแก้ไขปัญหามาโดยตลอด
จนล่าสุดชาวบ้านนับพันคนต้องมาชุมนุมที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเป็นเวลา 15 วัน
และนายกรัฐมนตรี
ได้สัญญาว่าถ้ายอมยุติการชุมนุมจะเปิดการเจรจาขึ้นทันที
การชุมนุมที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน
ได้ยุติมา 2 วันแล้วก็ยังไม่มีการเปิดการเจรจาแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด
แต่ผลการประชุมของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน
กลับบอกว่ากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหา
2. ในกรณีของเขื่อนปากมูล
คณะทำงานพื้นฟูชีวิตและชุมชน
ที่ก่อตั้งโดยรัฐบาลได้เสนอแผนการพื้นฟูระยะสั้น
เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าแต่ที่ประชุมชุดปองพล
กับบอกว่าให้รอผลการศึกษาของการเปิดเขื่อน
ซึ่งเป็นคนละเรื่องเพราะการเสนอแผนพื้นฟู
สามารถกระทำกันทุกหมู่บ้านทั่วประเทศตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว
3.กรณีเขื่อนสิรินธร คณะกรรมการฯ
ได้เสนอให้อนุมัติงบประมาณตามกรรมการจัดการที่ดินให้ครอบครัวละ 15 ไร่
มติที่ประชุมปองพลระบุว่าให้
สปก. ตรวจชุดเอกสารสิทธิเป็นคนละเรื่องแสดงว่าประชุมโดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย
4.กรณีเขื่อนห้วยละห้า
คณะทำงานแก้ไขปัญหาระดับจังหวัดมีมติให้จ่ายค่าทดแทน
และค่าเสียโอกาสเพราะการก่อสร้างเขื่อนห้วยละห้า
ได้ละเมิดสิทธิของชาวบ้านจริง แต่ผลการประชุมกับว่าให้
สปก. ไปช่วยเหลือเหมือนผู้เดือดร้อนทั่วไป
5.กรณีป่าไม้ มีประชุมเพียงรับทราบผลการประชุมของคณะอนุกรรมการและคณะทำงานชุดต่างๆเท่านั้น
แต่ไม่ได้มีมติที่จะตัดสินใจในเรื่องนโยบายแต่อย่างใด
และไม่มีผลในทางปฏิบัติ
6.ปัญหาที่มีข้อยุติ
คือมีปัญหาเดียวคือ
กรณีการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์
ที่กรมทางยอมจ่ายค่าชดเชยเพราระต้องการที่จะสร้างทางต่อกะจะได้ประโยชน์มหาศาล
ในการก่อสร้างนั้นเอง
ดังนั้น
สมัชชาคนจนไม่สามารถยอมรับผลการประชุม
ของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ
ดังกล่าวข้างต้นและจะชุมนุมยืดเยื้อต่อไป
จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาที่สมัชชาคนจนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
และเรามีความเห็นว่ารัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาการใช้ดุลยพินิจอย่างเป็นธรรม
ไม่ใช่ฟังแต่ความเห็นของทางการารที่เป็นคู่พิพาทกับชาวบ้านผู้โดนละเมิดสิทธ์
สมัชชาคนจน
4 พฤษภาคม 2545 |