แถลงการณ์ภาคเหนือ
32 องค์กร
ฉบับที่ 2
กรณีการชุมนุมที่เขื่อนปากมูล
18
พฤษภาคม 2543
สืบเนื่องมาจากการชุมนุมอย่างสันติวิธีของพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูลเป็นเวลากว่า
1 ปี
เพื่อเรียกร้อง
ให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยให้เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลเพื่อให้ปลาจากแม่น้ำโขงได้วางไข่ใน
แม่น้ำมูล
เป็นการคืนชีวิตให้แม่น้ำมูล
เพื่อรักษาระบบนิเวศและคืนธรรมชาติให้ยั่งยืน
การชุมนุมของชาวบ้านในครั้งนี้
ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย
ที่มีกฎหมายรัฐธรรม
นูญรองรับสิทธิ
แต่รัฐบาลภายใต้นายกรัฐมนตรีชวน
หลีกภัย
กลับนิ่งเฉยดูดายกระทำการเหมือนลอยตัว
เหนือปัญหาไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนจน
ปล่อยให้เป็นภาระของจังหวัดอุบลราช
ธานีหรือเป็นปัญหาระดับท้องถิ่น
ท่ามกลางการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)ได้ทำการปล่อยข่าวทำลาย
ความชอบธรรมการชุมนุมของพี่น้องปากมูลว่าทำลายทรัพย์สินของ
กฟผ.
ที่สำคัญก็คือ
การที่รัฐได้ใช้วิธี
การใช้สื่อในมือของรัฐบิดเบือนข้อมูล
และใส่ร้ายป้ายสีชาวบ้านข้างเดียว
ที่สำคัญคือ
การที่รายการรอบภูมิภาคของช่อง
11
ที่ออกอากาศเมื่อเวลา
13.30-14.45 น.
ที่นำนายศิวะ
แสงมณี ผวจ.อุบล
และนายสุพิน
ปัญญามาก
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายไฟฟ้าพลังน้ำของ
กฟผ.
รวมทั้งการจัด
ตั้งกลุ่มที่สนับสนุน
กฟผ.เข้าร่วมรายการโดยอ้างว่า
เป็นตัวแทนชาวบ้านด้วย
ซึ่งนอกจากเป็นการบิดเบือน
ข้อมูลข่าวสารอย่างร้ายกาจแล้ว
ในหลายครั้งยังมีลักษณะที่ส่อไปในทางของการปลุกระดมมวลชนเพื่อให้
เกิดความเกลียดชังชาวบ้านปากมูล
นอกจากนั้นยังปรากฏว่าทางรัฐและ
กฟผ.ยังเตรียมออกรายการทอื่น
ๆ
ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐเพื่อกล่าวโจมตีชาวบ้านอีกหลายรายการ
ดังนั้น
เราจึงมีข้อเรียกร้องต่อสังคมไทย
ดังนี้
1.ขอให้สังคมไทยร่วมกันกดดันให้
นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุดเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบแก้ไข
ปัญหาโดยตรง
เพราะปัญหาความเดือดร้อนในครั้งนี้เป็นปัญหาระดับประเทศ
ไม่ใช่เพียงปัญหาระดับ
ท้องถิ่น
จึงต้องให้ผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงเข้าเจราจาแก้ไขปัญหาของพี่น้องปากมูล
มิใช่การใช้วิธีให้การ
ไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)
หรือให้ข้าราชการท้องถิ่นดำเนินการ
เพราะการกระทำดังกล่าวนี้นอกจากเป็นการ
ลอยตัวเหนือปัญหาแล้ว
ยังอาจจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเปรียบเสมือน
รัฐซ้อนรัฐที่พร้อมจะใช้อำนาจและอิทธิพลเข้าจัดการกับชาวบ้านได้
2.ขอให้สังคมไทย
ช่วยกันกดดันไม่ให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงต่อชาวบ้านที่ชุมนุมด้วยสันติวิธีของพี่น้อง
ปากมูล
3.ขอให้สังคมไทย
กดดันไม่ให้รัฐใช้สื่อที่รัฐมีบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร
รวมไปถึงการกระทำอื่น
ๆ
ที่เข้าข่าย
การปลุกระดมมวลชนให้เกิดความเกลียดชังต่อชาวบ้านปากมูล
หากสื่อของรัฐจะดำเนินรายการแล้วก็ควร
ที่จะให้โอกาสทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน
มิใช่การใช้วิธีปิดล้อมข่าวสารซึ่งวิธีการเช่นนี้
พวกเราเห็นว่า
เป็นวิธีการสกปรก
ควรที่จะต้องถูกประณาม
ด้วยความเชื่อมั่นพลังประชาชน
1.สมัชชานักวิชาการเพื่อคนจน
2.เครือข่ายเกษตรกรภาคเหนือ(คกน.)
3.แนวร่วมเกษตรกรภาคเหนือ(นกน.)
4.พรรคยุวธิปัตย์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5.กลุ่มนักศึกษาปริญญาโทเพื่อประชาธิปไตย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
6.ศูนย์สื่อเพื่อประชาชน
(จ.เชียงใหม่)
7.สถาบันสิทธิชุมชน(จ.เชียงใหม่)
8.เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้(จ.เชียงใหม่)
9.มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
(จ.เชียงใหม่)
10.สมาคมส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนภาคเหนือ(จ.เชียงใหม่)
11.โครงการพัฒนาลาหู่
ลุ่มน้ำฝาง(จ.เชียงใหม่)
12.โครงการพัฒนาเครือข่ายผู้ผลิต-ผู้บริโภคเกษตรกรรมทางเลือกภาคเหนือตอนบน(จ.เชียงใหม่)
13.โครงการฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ(ภาคเหนือ
) (จ.เชียงใหม่)
14.ศูนย์ประสานงานองค์กรเอกชนพัฒนาชาวไทยภูเขา(ศอข.)
(จ.เชียงใหม่)
15.สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมชาวไทยภูเขาในประเทศไทย(จ.เชียงใหม่)
16.โครงการพัฒนาลุ่มน้ำภาคเหนือโดยองค์กรชุมชน(จ.เชียงใหม่)
17.โครงการพัฒนาชุมชนแออัด
จ.เชียงใหม่(จ.เชียงใหม่)
18.ศูนย์ชาติพันธุ์เพื่อการพัฒนา(จ.เชียงใหม่)
19.โครงการช่วยเหลือทางกฎหมายคนชายขอบ(จ.เชียงใหม่)
20.สมาคมสร้างสรรค์ชีวิตและสิ่งแวดล้อม
(จ.เชียงราย)
21.โครงการรักษ์แม่ลาว
(จ.เชียงราย)
22.โครงการป่าชุมชนจ.ลำปาง(จ.ลำปาง)
23.โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อสิ่งแวดล้อม(จ.ลำปาง)
24.โครงการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติลุ่มน้ำแม่สอย
(จ.ลำปาง)
25.โครงการพัฒนาชุมชนเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ป่าธรรมชาติลุ่มน้ำวัง(จ.ลำปาง)
26.โครงการฟื้นฟูชีวิตและวัฒนธรรมแม่ฮ่องสอน(จ.แม่ฮ่องสอน)
27.ศูนย์ประสานงานเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาจังหวัดลำพูน(จ.ลำพูน)
28.โครงการปฏิรูปการเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัดลำพูน(จ.ลำพูน)
29.โครงการพัฒนาลุ่มน้ำลี้
อ.ทุ่งหัวช้าง(จ.ลำพูน)
30.โครงการเกษตรยั่งยืนฟื้นฟูกว๊านพะเยา
(จ.พะเยา)
31.โครงการพะเยาเพื่อการพัฒนา(จ.พะเยา)
32.โครงการศึกษากลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง(จ.น่าน)
|