จดหมายเปิดผนึก
ต่อกรณีเขื่อนอัปยศแห่งลำน้ำมูล
ฉบับที่ ๕
เรื่อง
ขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน
และประชาคมโลกร่วมแสดงพลังกอบกู้ความเป็นธรรม
ตามที่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาอันโลภเขลา
:
เขื่อนปากมูลร่วมกันกรำแดดกรำฝนชุมนุมโดยสันติวิธีบริเวณลาน
จอดรถโรงไฟฟ้าของเขื่อนอัปยศดังกล่าว
ตั้งแต่วันที่๑๕ พฤษภาคม
เป็นต้นมา
เพื่อเรียกร้องให้มีการเปิดประตูเขื่อนเพื่อคืนธรรมชาติ
ให้กลับมาเกื้อกูลสรรพชีวิต
แต่ในขณะเดียวกัน
รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแทนที่จะเข้ามาพูดคุยทำความใจและร่วมกันแก้ไขปัญหากับพี่น้องประชาชนผู้
ชุมนุมกลับมีการให้สัมภาษณ์ของนายชวน
หลีกภัย นายกรัฐมนตรี
นายบัญญัติ
บรรทัดฐานรองนายกฯ นายศิวะ
แสงมณี ผู้ว่าราชการ
จังหวัดอุบลราชธานี
และบุคลากรของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)
บิดเบือนความจริง
ให้ข้อมูลเท็จ เช่น
หากมีการเปิดเขื่อนไฟฟ้าใน
จังหวัดอุบลราชธานีและอีสานใต้จะดับ
กรณีบันไดปลาโจน
ปริมาณไฟฟ้าที่สามารถผลิตได้จริง
ฯลฯ
ตลอดจนใส่ไคล้ผู้ชุมนุมต่อ
สาธารณะ ทั้งด้วยวาจา
และการสร้างสถานการณ์ปิดถนนโดยอ้างว่าเป็นผู้ชุมนุมเพื่อพยายามสร้างความแตกแยกและเกลียดชังในหมู่
ประชาชน
และล่าสุด กฟผ.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ๑๔ประชาชนผู้ชุมนุมโดยกล่าวหาว่าเป็นแกนนำในการทำผิดรวม
๗ ข้อหา นั้น
ข้าพเจ้า กานต์ ณ กานท์
กวีสามัญชน
ในนามพันธมิตรผู้ร่วมก่อการโดยเปิดเผยของพี่น้องแม่มูนมั่นยืนรู้สึกอดสูใจต่อการกระทำ
อันสะท้อนถึงระบบวิธีคิดของนายชวน
หลีกภัย และพวกเป็นอย่างยิ่ง
จนสุดที่จะเก็บกลั้นเอาไว้อีกต่อไปได้
จึงได้มีจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้
เพื่อประณามการกระทำของนายชวน
หลีกภัยและพวกที่ทั้งหมดนอกจากจะเป็นการแสดงออกที่ไร้
สำนึกรับผิดชอบต่อปัญหาอันเกิดจากนโยบายของรัฐอย่างน่าละอายแล้ว
การให้ข้อมูลเท็จ
ใส่ร้ายป้ายสี
ข่มขู่ประชาชนผู้ไร้ทางสู้
ผ่านสื่อสาธารณะต่างๆ
แสดงถึงเจตนาอันอำมหิต
ที่จะสร้างความแตกเกลียด
ชังในหมู่ประชาชน
เพื่อหวังใช้ความเข้าใจผิดและโกรธพี่น้องประชาชนภายนอกมาเป็นเครื่องมือสลายการชุมนุมนั้น ถือเป็นการละ
เมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโหดเหี้ยมสมควรที่จะได้รับการประณามจากประชาคมโลก
พร้อมไปกับการประณามนี้
ข้าพเจ้ามีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลนายชวน
หลีกภัยและพวกดังไปนี้
๑.เนื่องจากการชุมนุมของพี่น้อง
เป็นไปตามสิทธิอันชอบธรรมในรัฐธรรมนูญจึงขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เลิก
ล้มความคิดที่จะดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม
และถอนแจ้งความโดยเร็วที่สุด
หาไม่แล้ว กฟผ.และรัฐบาลเองจะถูกดำเนินคดีจากการละเมิด
สิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน
๒.ขอให้รัฐบาลและพวก
ยุติแนวคิดป่าเถื่อนที่จะสลายการชุมนุมของประชาชนโดยเด็ดขาด
รวมทั้งมีควรความละอายบาปและ
ประชาชนหยุดสร้างสถานการณ์ให้ร้ายผู้ชุมนุมหยุดใช้สื่อและงบประมาณของรัฐอันมาจากเงินภาษีของประชาชนเป็นเครื่องมือใน
การบิดเบือนข้อเท็จจริงต่าง
ๆ ต่อสาธารณะ
๓. ขอให้ปรับเปลี่ยนท่าที
เข้าทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ชุมนุมเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาซึ่งในข้อนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าสมควรให้มีการ
เปิดประตูระบายน้ำตามข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนผู้ชุมนุมหรือให้ดีกว่านั้นก็ควรระเบิดเขื่อนอัปยศนี้ทิ้งเสีย
เนื่องจากเป็นหน
ทางเดียวที่จะฟื้นฟูธรรมชาติและวิถีชีวิตอันเก่าแก่ของชุมชนแห่งลุ่มน้ำมูลกลับคืนมาได้
อนึ่ง
ข้อเรียกร้องทั้งหมดนี้ข้าพเจ้ามิได้มีความหวังว่าจะได้มาด้วยความเมตตาใด
ๆ
จากรัฐบาลอำมหิตนี้ซึ่งหากเป็นไปได้ก็น่าจะมาจาก
การสำนึกว่าใกล้สิ้นอายุขัยใกล้ฤดูเลือกตั้ง หรือปาฏิหาริย์แห่งปาฏิหาริย์
หากข้าพเจ้าเชื่อมั่นในพลังแห่งประชาชนผู้รักความเป็นธรรมในทุกภูมิภาคของประเทศ
และประชาคมโลกที่คงมิอาจนิ่งดูดายปล่อย
ให้ไร้ผู้นำประเทศที่ไร้สิ้นซึ่งจริยธรรมกระทำยำเยงต่อประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อของการพัฒนาอันโลภเขลานี้ได้
ข้าพเจ้า
จึงขอวิงวอนไปยังพี่น้องประชาชนทุกภูมิภาคของประเทศไทย
และประชาคมโลกได้โปรดก้าวออกมาร่วมแสดงพลัง
ออกมา
เคลื่อนไหวผ่านสื่อต่าง ๆ
ร่วมกับพี่น้องชาวแม่มูนมั่นยืนเพื่อทวงถามถึงมนุษยธรรมในหัวใจของผู้นำรัฐบาลไทยเพื่อเรียกร้องความ
เป็นธรรมให้กับพี่น้องผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนให้กับลำน้ำมูล
และมวลมนุษยชาติ
เพราะนอกจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนในพื้นที่แล้ว
เขื่อนที่ลงทุนมหาศาล
หากด้อยสมรรถภาพนี้
ได้นำความหายนะ
มาสู่ธรรมชาติกระทำฆาตกรรมระบบนิเวศอันสมบูรณ์
ซึ่งเป็นสมบัติร่วมกันของมวลมนุษยชาติอีกด้วย
พลังบริสุทธิ์แห่งมวลมหาประชาชนเท่านั้นที่จะกอบกู้สิทธิอันชอบธรรมของมวลมนุษยชาติและเตือนสติของกลุ่มคนผู้หลงในอำนาจ
และผลประโยชน์จนลืมรากเหง้าแห่งความเป็นคนจนหมดสิ้น
ให้กลับคืนมาสำนึกถึงค่าแห่งชีวิตอื่นหรือพอพูดคุยกันรู้เรื่องบ้าง
|
'หวัง'
ราตรีสยายปีก มืดดำ
หากคนบ่ยอมเพลี่ยงพล้ำ
หยัดสู้
ประโคมจุดไต้จุดโคมนำ
มาสาด ส่องหน
ขับขานเพลงหวังก้องกู่
ประหนึ่ง พึ่งทิวา
|
|
ขอส่งกำลังใจแด่พี่น้องผู้สู้อดทนกรำแดดกรำฝนอยู่
ณ แม่มูนมั่นยืน ทั้ง ๗
หมู่บ้าน ทุกท่าน
ด้วยจิตคารวะ
กานต์ ณ กานท์
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๓
|