eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

ใบแจ้งข่าว สมัชชาคนจน หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน1,7

11 มิถุนายน 2543

รายงานสถานการณ์การชุมนุมของสมัชชาคนจน หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี


คนจน มอบมรดกให้กับรุ่นลูกรุ่นหลาน

กิจกรรมพิธีบูชา สืบชะตาแม่น้ำ เริ่มขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.โดยนายหนู พลศรี อายุ 68 ปี อยู่บ้านโนนสูง ต.บ้านแมด อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี อยู่ในชุดขาว รับหน้าที่เป็นพ่อพราหมณ์ นำชาวบ้านสวดมนต์และเตรียมดอกไม้ หม้อดิน ปิดผ้าขาว ที่บริเวณลานเวที ในหมู่บ้านที่ชุมนุมหมู่ 7 ลานจอดรถข้างโรงปั่นไฟเขื่อนปากมูล หลังจากนั้นจึงเป็นการอ่านแถลงการณ์จากลูกหลานแม่น้ำมูลที่เด็กๆ ร่วมกันเขียนขึ้น โดยเด็กหญิงสุนันทา ทองน้อย อายุ 12 ปี และเด็กชายวุฒิชัย จันทร์รอด อายุ 12 ปี เนื้อหาแถลงการณ์เป็นการ แสดง เจตนารมย์ว่า พวกเราจะช่วยกันรักษาแม่น้ำมูนและมีข้อบัญญัติให้ลุกหลานทุกคนไม่ให้ทิ้งขยะลงไปในแม่น้ำมูลเพื่อเป็นการอนุรักษ์ สัตว์น้ำ ให้คงอยู่คู่แม่น้ำตลอดไป เนื่องจากแม่น้ำมูนเป็นแม่น้ำที่ปู่ย่าตายายรักษากันมาหลายชั่วอายุคน บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเรา จะช่วยกันรักษาไว้เป็นสมบัติของลูกหลานรุ่นต่อไป พวกเขาจะได้เกิดมาเห็นแม่น้ำและป่าไม้เพียบพร้อมกับสัตว์น้ำที่อุดมสมบูรณ์ และขอเชิญชวนลูกหลานและพ่อแม่พี่น้องทุกคนช่วยกันรักษาแม่น้ำมูลให้คงอยู่คู่ลูกหลานต่อไป

ในพิธีนี้เด็ก ๆ ประมาณ 20 คน ต่างร่วมกันแต่งตัวสวยงาม เด็กผู้หญิงแต่งตัวด้วยชุดผ้าซิ่น เสื้อแขนกระบอกพาดบ่าด้วยผ้าแพรทอมือ ปักดอกไม้ที่ผม ปะแป้ง ดูสวยงามมาก ส่วนเด็กผู้ชายก็มีผ้าขาวม้าคาดเอว และปักดอกไม้ไว้ที่หูเช่นเดียวกัน

หลังจากพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้นลง เด็กๆได้ร่วมกันถือป้ายผ้าเขียนข้อความว่า”สืบสานมรดกแม่น้ำมูน”เดินนำขบวนที่มีชาวบ้านเข้า ร่วมขบวนและช่วยกันหามตุ่มดินและนำกระจาดดอกไม้เพื่อไปทำพิธีประมาณ 100 คน เดินไปที่สันเขื่อนด้านทิศตะวันตกตรง บริเวณหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน 1 และเมื่อไปถึง นายหนู พลศรี จึงเริ่มทำพิธีอัญเชิญเทวดา และสวดเรียกขวัญ ก่อนจะให้เด็กอ่านแถลง การณ์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นชาวบ้านจึงนำดอกไม้ที่เตรียมมาใส่ลงบนปากหม้อดิน แล้ว เรียกให้เด็กเข้าไปรับมา นำลงเรือพายเรือ ออกไปที่กลางแม่น้ำตรงข้ามกับเขื่อนปากมูล แล้วเด็กๆก็ช่วยกันนำดอกไม้ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของความรักและความเคารพบูชา แม่น้ำที่ผู้เฒ่าผู้แก่มอบให้ โปรยลงแม่น้ำเสร็จแล้วยกตุ่มดินวางลงแม่น้ำปล่อยให้ลอยไปกับคาวมชุ่มเย็นอันถือว่าเป็นการรวมขวัญผู้ คนทั้งหมดให้ประดับในสายน้ำและสายน้ำก็จะเอื้อเฟื้อความอุดมสมบูรณ์แก่คนนั่นเอง


ต่อการทำกิจกรรมของเด็กๆในครั้งนี้ น.ส.พัชริน วิจิตรลงกรณ์ เจ้าหน้าที่จากกลุ่มเสมสิกขาลัย ที่มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีได้ให้ความ เห็นว่า “กิจกรรมแบบนี้ เป็นเรื่องดีกับเด็ก ดิฉันเข้าใจว่าการสืบสานมรดกจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง เพื่อให้รู้การสืบสาน ชีวิต สายเลือดสายสัมพันธ์ของแม่น้ำกับคนรุ่นใหม่เพื่อให้ตระหนักกตัญญู กตเวทีที่พวกเขาจะได้ไม่คิดเอาเปรียบแม่น้ำที่มีพระคุณ ต่อพวกเขาเป็นเรื่องที่โรงเรียนหรือชุมชนอื่นควรให้มีกิจกรรมเช่นนี้ก็จะดี”

เก๋งโตโยตาโผล่สันเขื่อน โปรยใบปลิวเย้ยขบวนเด็ก

เมื่อเวลาประมาณ 11.45 น.ขณะที่เด็กๆและชาวบ้านร่วมกันเดินทางไปทำพิธีสืบชะตาแม่น้ำ สืบทอดมรดกแม่น้ำมูล ที่สันเขื่อนด้าน ทิศตะวันตก ก่อนที่ขบวนจะพ้นสันเขื่อนได้มีรถเก๋งสีไข่ไก่ยี่ห้อโตโยตา โคโรนา หมายเลขทะเบียน 1ร-1894 กรุงเทพมหานคร ภายในรถมีชายฉกรรจ์ไม่ทราบรูปพรรณสันฐานแน่ชัด ขับวน 1 รอบ ก่อนจะย้อนกลับมา เมื่อมาถึงกลางขบวนคนขับได้ชะลอความ เร็วลง ชายคนหนึ่งที่นั่งตอนท้ายด้านซ้ายได้หมุนกระจกลงแล้วโปรยแผ่นกระดาษลงมาปึกหนึ่ง แผ่นกระดาษได้ปลิวว่อนทั่วสัน เขื่อนก่อนคนขับจะเหยียบคันเร่งพุ่งออกไปด้วยความเร็วชาวบ้านได้กรูกันเข้ามาเก็บไปจำนวนหนึ่งที่เหลือก็ไม่มีใครสนใจปล่อย ขาวเกลื่อนทั่วสันเขื่อนเนื้อหาที่พิมพ์ ระบุว่า พวกผมชาวรถบรรทุก 10 ล้อ 18 ล้อได้จัดตั้งกลุ่มขึ้นมาโดยมีอดีตทหารพรานที่เคยรบใน ลาวและเวียตนามเป็นหัวหน้า เมื่อพวกผมไม่มีปืนแต่มีรถที่จะเหยียบผู้ทำลายชาติให้เป็นเศษเหล็กตายเหมือนเขียดข้างถนน เนื้อหา ในใบปลิวฉบับนี้ ยังได้วกไปวนมา สับสนและไม่มีจุดประสงค์แน่ชัด แถมยังด่าตำรวจ อ.สิรินธร และอ.พิบูลฯว่าไม่มีเลือดรักชาติ และว่า พวกผมได้หาปืนอาก้าจัดการพวกม็อบสักห้าหกคนให้หัวสมองแตกกระจาย รวมทั้งฝายราษีไศลจังหวัดศรีสะเกษ ด้วย

ใบปลิวยังได้ระบุด้วยว่า ชาวบ้านจะเดือดร้อน น้ำล้นเขื่อน ไฟฟ้าจะดับ ไฟจะตกทั่วจังหวัดอุบลฯและจังหวัดใกล้เคียง โรงงานอุตสา หกรรมที่ใช้ไฟจะเสียหาย และด้านหลังมีลายมือ เขียนถึงหัวหน้าการไฟฟ้าเขื่อนปากมูล เขื่อนสิรินธรให้พิมพ์ใบปลิวเพิ่มให้ด้วย และให้ช่วยจัดสถานที่ประชุมให้ ลงชื่อ กลุ่ม 18 ล้อ 10 ล้อ ส่งของไปลาว พิบูลฯ นาจะหลวย เดช เมืองอุบลฯ กรุงเทพฯ คลองเตย

ต่อกรณีการมีใบปลิวโจมตีโปรยต่อหน้าที่สันเขื่อนครั้งนี้ น.ส.เยี่ยมพร พลสูงเนิน อายุ 43 ปี อยู่บ้านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลฯ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากพูดอะไร เพราะสมัชชาคนจนยึดเอาตามมติของคณะกรรมการกลางเป็นที่ตั้ง พวกเรา เชื่อมั่นในคณะอาจารย์ที่เข้ามาทำงานตรงนี้ และเมื่อ2-3วันก่อนก็มีหนังสือลงนามโดย รมต.มหาดไทยแล้ว ให้ทุกฝ่ายหยุดการ ทำลายบรรยากาศในการแก้ทำงานของคณะกรรมการ และตนก็เห็น ข้อกล่าวหาก็เป็นเรื่องเดิม ๆ คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใบปลิวชุดนี้ ใครเป็นคนทำ อย่างเมื่อวานนี้ก็ออกมาโจมตีที่ปรึกษาพวกตน ตนเห็นว่ามีแต่ข้ออ้างเก่าๆ ซึ่งเห็นว่า คนที่ทำใบปลิวไม่ได้เคารพ ในดุลยพินิจของคณะกรรมการเลยและตนในฐานะครูผู้รับผิดชอบสอนลูกหลานชาวบ้าน ก็คงต้องบอกว่า มันเป็นการคุกคาม
ความรู้สึกของเด็กอย่างรุนแรง ทำตัวเหมือนมหาโจร ขาดจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ที่สุด ที่กระทำการคุกคาม ก่อกวนต่อหน้าเด็กๆ ที่มีแต่ความบริสุทธิ์ พวกเขาคงมีลูก และพวกเขาคงไม่อยากให้ลูกๆต้องตกใจกลัวหรือหวาดผวาใดๆ พวกเราก็เช่นกัน น.ส.เยี่ยมพร กล่าวในที่สุด

สมพร คำสวัสดิ์ รายงานเมื่อ 16.45 น./ 11 มิถุนายน 2543

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา