eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

สรุปสถานการณ์ปากมูล จนถึงวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2543 เวลา 10.00 น.

ยุทธวิธีกุข่าวของ กฟผ.เริ่มไม่เป็นผล เริ่มหันมาใช้ความรุนแรงกับชาวบ้านปากมูล

หลังจากที่ กฟผ.ไม่สามารถปลุกระดมมวลชนในพื้นที่มาสลายการชุมนุมชาวบ้านปากมูล เนื่องจากคนพื้น ที่มีความเข้าใจ ปัญหาความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อนปากมูลประกอบกับไม่เชื่อข่าวที่ กฟผ.กุขึ้นมาว่า การยึดเขื่อนปาก มูลทำให้น้ำท่วม-ไฟดับ ขณะที่การต่อสู้ของชาวบ้านปากมูลได้รับการสนับสนุนจาก สังคมมากขึ้นเรื่อย กฟผ.จึงจนปัญญาในการ จัดการกับชาว บ้านปากมูล และหันมาเล่นวิธีการสกปรกมาก ขึ้นดังเช่น

ใบปลิวผีว่อน

ยุทธวิธีแรกที่มีการนำมาใช้ก็คือ การออกใบปลิว โจมตีผู้ชุมนุมโดยเฉพาะแกนนำชาวบ้านปากมูล เช่น ใบปลิวที่ใช้ชื่อว่า วนิดาเต่ากระดองแตก ซึ่งออกโดยปลัดอำเภอสิรินธรมีเนื้อหาโจมตีนางสาววนิดาแบบ หยาบคาย ขณะที่มีใบปลิวเถื่อนได้ถูก ส่งไปยังสำนักพิมพ์ต่าง ๆ โดยปลอมหัวจดหมายว่าเป็นสมัชชาคน จน ระบุว่า สมัชชาคนจนมีมติปลดนางสาววนิดาและมีการ อ้างชื่อผู้ใหญ่ หลายคน ทั้ง ๆ ที่ผู้ใหญ่ที่ถูก ระบุชื่อนั้นไม่เกี่ยวกับสมัชชาคนจน

เป็นที่น่าสังเกตว่าใบปลิวเถื่อนนั้นมีเนื้อหาคล้ายกับที่ กฟผ.แถลงต่อสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดได้ มีการปล่อยข่าวใน www.pantip.com/ราชดำเนิน กล่าวหาข่าวสดซึ่งรายงานความจริงเขื่อนปากมูล อย่าง ตรงไป ตรงมามาโดยตลอดว่ารับเงิน NGO

แนวร่วม กฟผ.เริ่มหาย

แม้ว่า การที่ กฟผ.ใช้สื่อของรัฐในการกุข่าวขึ้นมาโจมตีชาวบ้านที่ชุมนุมเริ่มไม่เป็นผล และถูกตำหนิว่าเป็น การกระทำ ที่ไม่เหมาะสม ดังเช่น ศ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ แถลงว่า ในขณะนี้ทีวีของรัฐเหมือนกับช่วง 6 ตุลาคม 2519 ที่ยุให้คนไทยฆ่ากัน แต่ กฟผ.ก็ยังใช้สื่อของ รัฐประโคมข่าวโจมตีผู้ชุมนุมต่อไป ล่าสุดรายการบ่ายนี้ มีคำตอบซึ่งออกอากาศทางช่อง 9 อสมท.เมื่อ วันที่ 8 มิถุนายน 2543 ได้ร่วมวงไพบูลย์สื่อเผด็จการโดยการ ให้ เจ้าหน้าที่ กฟผ.และนายเที่ยง บรรเทา รวมทั้งกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ กฟผ.สนับสนุน ได้ออกรายการ สด โจมตีสมัชชาคนจนแต่ฝ่ายเดียว

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า กฟผ.ไม่มีแนวร่วมหรือคนที่สนับสนุน เพราะการออกรายการทีวีหรือ วิทยุนั้น จะมีก็แต่ เจ้าหน้าที่ กฟผ.และกลุ่มนายเที่ยง บรรเทาที่ กฟผ.สนับสนุนเท่านั้น ขณะที่ผู้ใหญ่ใน สังคมไทยไม่มีใครสนับสนุน กฟผ.เลย ยกเว้นนักการเมืองของ พรรคประชาธิปัตย์เช่น นายสาวิตต์ โพธิวิหค และนายอลงกรณ์ พลบุตรเท่านั้น

กรรมาธิการปกครองเรียกข้าราชการชี้แจงปากมูล

ท่ามกลางการดิ้นรนสนับสนุนเขื่อนปากมูลของพรรคประชาธิปัตย์นั้น เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน เวลา10.00น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาปัญหาเขื่อนปากมูล โดยเชิญ นายศิวะ แสงมณี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตผู้ว่าฯอุบลราชธานี นายประภาส บุญยินดี รองผู้ว่าฯอุบลราชธานี นายสุพิณ ปัญญามาก ผู้ช่วยผู้ว่าฯกฟผ. พล.ต.ต.ชัยณรงค์ วัชรานันท์ ผู้ช่วยผบช.ภาค3 พล.ต.ต.ดิเรก มโนลีหกุล ผบก.สันติบาล1 นายคีรี กออนันตกูล ผอ.กองประมงน้ำจืด กรมประมง นายชำนาญ พงษ์ศรี นักวิชาการประมง8 และชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมาชี้แจง

ระหว่างการประชุมกรรมาธิการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและตัวแทนจากหน่วยราชการ ได้ชี้แจง และตอบข้อสงสัยซึ่งกันและกันอย่างละเอียด แต่ยังหาข้อยุติไม่ได้เพราะต่างฝ่ายต่างยกเอาเหตุ ผลของตัวเองมาอ้าง จนกรรมาธิการต้องหาข้อสรุปโดย การตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณา

ภายหลังการประชุมนายมุข สุไลมาน เลขานุการกรรมาธิการ แถลงภายหลังการประชุมว่า ผู้ที่ได้รับความ เดือด ร้อนจากการสร้างเขื่อนปากมูล ร้องเรียนว่า การก่อสร้างเขื่อนปากมูลทำให้เกิดความเสียหายหลาย ประการ เช่น ทำลายอาชีพประมง ที่ชาวบ้านทำกัน มาหลายชั่วคน ทำลายแหล่งยาสมุนไพร และทำลาย แหล่งท่องเที่ยว

นายมุข กล่าวว่า ผู้ร้องเรียนขอให้กฟผ.เปิดประตูน้ำทั้ง8บาน เพื่อแก้ปัญหาให้ปลาขึ้นมาวางไข่ โดยทดลอง เปิดเป็นเวลา5ปี เพื่อดูผล หากไม่สามารถคืนสภาพทำให้ปลาขึ้นมาวางไข่เหมือนเดิมได้ ขอให้ชดเชยโดย การจัดสรรที่ดินให้ชาวบ้าน ครอบครัวละ15ไร่ เพื่อเป็นการทดแทน ส่วนกฟผ.ชี้แจงว่า เคยทำสัญญากับ สมัชชาคนจนในเรื่องค่าชดเชยและผลตอบ แทนต่างๆ แล้ว ซึ่งสมัชชาคน จนก็ไม่ติดใจและจะไม่เรียก ร้องใดๆ อีก แต่ทำไมจึงมีการเรียกร้องอีก

ขณะที่กรมประมงชี้แจงว่า ได้ปล่อยพันธุ์ปลาและกุ้งลงไปในแม่น้ำแล้ว ทำไมชาวบ้านจึงยังไม่พอใจ จึง อยาก ให้ชาวบ้านพูดในสิ่งที่ดีบ้างไม่ใช่พูดในสิ่งที่เสีย สำหรับเรื่องความรุนแรงที่เป็นห่วงกัน ทาง กระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน

กรรมาธิการประณามสาวิตต์ไม่รับผิดชอบ

ด้านนายวิรัตน์ ตยางคนนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กรรมาธิการเห็นว่ามีความเดือดร้อน เกิดขึ้นจริง และการทำงานของข้าราชการบกพร่องบางประการ จึงมีมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา โดยให้ผู้ที่คัด ค้านและผู้ที่เกี่ยวข้องมาเป็นกรรมาธิการร่วมกัน และจะไปดูว่าทำไมกรรมการที่นายก รัฐมนตรีตั้งเมื่อวันที่21เม.ย.2541 เพื่อศึกษาปัญหานี้มานาน ทำไม ประชาชนยังเดือดร้อนอยู่

"นอกจากนี้กรรมาธิการได้ตำหนินายสาวิตต์ โพธิวิหค รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งด ูแล กฟผ.ว่า ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มาชี้แจงจึงเห็นสมควรถูกประณาม และหากยังไม่ยอมมาชี้แจงกับกรรมาธิการ จะทำหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อให้ประณามต่อไป" นายวิรัตน์กล่าว

กฟผ.งัดไม้ตายมาปลุกระดมชาวบ้านต่อ

เมื่อ กฟผ.จนแต้มมากขึ้น กฟผ.จึงหันมาใช้วิธีการสกปรกโดยการจัดให้มีหมอลำซิ่งซึ่งเป็นที่นิยม ขิงชาว อีสาน เพื่อดึงชาวบ้านเข้ามาฟัง กฟผ.ปราศรัยโจมตีผู้ชุมนุม โดยเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของการ ไฟฟ้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ของหน่วอนุรักษ์ประมงน้ำจืดเขื่อน ปากมูลกลุ่มหนึ่งมี นายสุรพล สมชื่อ เจ้าหน้า ที่ประชาสัมพันธ์ของ กฟผ.เป็นแกนนำ ได้เปิดเวทีปราศรัยโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมและแจกแถลง การณ์ ที่อำเภอ พิบูลมังสาหาร จ.อุบล ฯ

แต่ก็มีคนมาฟังไม่ถึงร้อยคน จากนั้นในคืนวันที่ 9 มิถุนายน ก็ได้จัดที่อำเภอโขงเจียม แต่ก็ไม่มีชาวบ้าน สนใจ

บุกรื้อป้ายพังรั้วหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน 7

การที่ กฟผ.ไม่สามารถปลุกระดมคนได้ กฟผ.ก็จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ของ กฟผ.ดำเนินการเอง โดยเมื่อ เวลาประมาณ14.30 น.ของวันที่ 9 มิถุนายน โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 100 คน แต่งชุดสีเทา อ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขับรถยกแบบเครนเข้ามาจอดที่หน้าบริเวณที่ชุมนุม ของชาวบ้านหมู่บ้านแม่มุนมั่นยืน 7 ลานจอดรถข้างโรงไฟฟ้าเขื่อนปากมูล พร้อมกันนั้นในเวลาเดียวกัน ได้มีรถเครื่องเสียงขับเข้ามา 1 คัน โดยทราบว่าผู้ที่นำมาคือนายชูชีพ กรรณสูตรและนายสุรพล สมชื่อ ซึ่ง เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ กฟผ.ทันทีที่นายชูชีพนำรถเครื่องเสียงเข้ามาก็เปิดเวทีไฮปาร์ค และแจ้งจุด ประสงค์การมาว่าจะเข้าทำ งานภายในอาคารปั่นไฟ แต่นายเปาโล คำสวัสดิ์ อายุ15 ปี บ้านท่าเสียว ตำบล ทรายมูล อำเภอพิบูลมังสาหาร ได้รับมอบหมายจากให้ไปชี้แจงว่าตามข้อตกลงร่ามกันก็คือ ให้ยึดตามมติ ของคณะกรรมการกลาง และบอกว่าที่ผ่านมาชาวบ้านก็ไม่ได้ปิดกั้นเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าอนุญาตให้ เข้ามาได้แต่ต้องไม่นำรถ เครนเข้ามารอให้การประชุมของคณะทำงานชุดแรกผ่านไปก่อนค่อยมาว่ากัน อีกทีส่วนเรื่องผักตบชวา หน้า เขื่อนนั้นปกติชาวบ้านก็ได้ช่วยกันขนออกให้ทุกวันอยุ่แล้ว แต่ทางนาย ชูชีพไม่ยอม โดยนายชูชีพคว้าไมค์โครโฟนสวมบทนักไฮปาร์คด้วยท่าทางขึงขังเปลี่ยนมากล่าวโจมตีสมัช ชาคนจน และ พาดพิงแกนนำชาวบ้านว่าเป็นคนหลอกลวงล่อเอาชาวบ้านมาทนทุกข์ นายชูชีพยังได้ เตือนผู้ชุมุนมให้เลิกและกลับบ้านไปเสีย

เมื่อเห็นว่าชี้แจงไปก็ไร้ประโยชน์เพราะแต่ละคนที่เข้ามาดูจากท่าทางแล้วคงมาหาเรื่องโดยเฉพาะนาย เปาโลจึง กลับเข้ามาอยู่ภายในหมู่บ้านและชาวบ้านก็พากันนั่งลงอย่างสงบโดยไม่มีการตอบโต้แต่อย่างใด นอกจากนั้นได้ร่วมกันสวดมนต์ไม่ใส่ใจว่านายชูชีพจะพูดหรือโฆษณาชวนเชื่ออย่างใด

ในเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ที่จับกลุ่มกันอยู่ก็พากันเฮโลเข้ามารื้อรั้วหนามที่กั้นอยุ่หน้าที่ชุมนุม ออกแล้วโยนขึ้น รถที่เตรียมมาจอดไว้ข้างๆด้วยนอกจากรื้อรั้วแล้วยังได้กระชากป้ายผ้าที่เด็กๆได้ร่วมกัน เขียนรูปภาพ ปัญหา ที่พวกเขาได้รับและนำไปติดไว้ที่หน้าที่ชุมนุมเมื่อเช้านี้ จำนวน 2 ผืนและป้ายผ้านี้ เป็นการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดที่เด็กๆมีต่อการเปลี่ยนแลงในวิถีชีวิตของตัวเอง พ่อแม่ และหมู่บ้านที่ เปลี่ยนไป เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ชาวบ้าน คนเฒ่าคนแก่และเด็กๆยังคงสวดมนต์อย่าง ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน และก็ไม่มีผู้ชุมนุมคนใดออกไปตอบโต้แต่อย่างใดปล่อยให้กลุ่มชายชุดเทาปฏิบัติ การด้วยความย่ามใจ และเมื่อนายชูชีพพูดจนตัวเองเหนื่อยและไม่ใครสนใจฟังจึงล่าถอยกลับไป เมื่อเวลา ประมาณ 15.00น.

สมัชชาคนจนยึดหลักสันติวิธี

แม้ว่าจะเผชิญกับวิธีการสกปรกของ กฟผ.แต่ชาวบ้านก็ยังอดทนยึดหลักสันติวิธีในการต่อสู้ โดยในวันที่ 9 มิถุนายน สมัชชาคนจนออกแถลงการณ์มีเนื้อหาว่า การชุมนุมของสมัชชาคนจน ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรม การกลางเพื่อการแก้ไขปัญหาโดยได้ประชุมในรอบแรกเมือวันที่ 6 มิถุนายน 2543 ที่ผ่านมา มีมติข้อหนึ่งว่า คณะกรรมการขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายยุติการให้ข่าว หรือดำเนินการ ใดๆ ที่จะเป็นชนวนไปสู่ความขัด แย้งเพื่อให้กรรมการสามารถทำงานได้อย่างไรมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดมวลชนเพื่อต่อต้าน หรือการ ดำเนินการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้า ในขณะเดียวกันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็หาได้สนใจในมติข้อตกลง ดังกล่าวไม่ ดังนั้นในขณะนี้จึงปรากฏชัดว่า กฟผ.เริ่มทำตัวเป็นอันธพาลแล้ว

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา