บันทึกสถานการณ์สมัชชาคนจน
หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน8
หน้าทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 1 ตุลาคม 2543
ต่อเนื่องจากการเตรียมความพร้อมในการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มสมัชชาคนจน
ล่าสุดได้จัดให้มีโครงการ
ธรรมยาตรา
ขึ้นเพื่อออกทำความเข้าใจกับชาวกรุงเทพมหานคร
ตามที่เมื่อวานที่ผ่านมา(30 ก.ย.43)มีการซ้อมใหญ่
ไปรอบๆ ทำเนียบรัฐบาล
วันนี้
คนจนได้เริ่มโครงการธรรมยาตราเพื่อการประสานใจแล้ว
โดยเมื่อเวลาประมาณ 09.30น.
คณะขบวนอาสาสมัครออกมา
รวมกันที่หน้าเวที
ก่อนการเคลื่อนขบวน
พระอาจารย์ทวีศักดิ์
จิรธัมโม
พระสงฆ์จากกลุ่มพุทธศึกษา
ในส่วนของกลุ่มเสขิยธรรม
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานด้านสันติวิธี
จำวัดอยู่ที่
วัดแห่งหนึ่งในอำเภอภูเขียว
จ.ชัยภูมิ
เดินทางมาถึงที่ชุมนุมได้ 3
วันแล้ว ได้เทศนา
ชาวบ้านให้เข้าใจถึงหลักธรรม
อธิบายให้เห็นถึงแนวทางสันติวิธี
จากนั้นขบวน
อาสาสมัครธรรมยาตราก็ออกเดินทางไปตามถนนลูกหลวง
เลี้ยวเข้าเขตถนนหลานหลวงก่อนที่จะวกเข้าเขต
อุรุพงษ์
มุ่งหน้าไปยังชุมชนบ้านครัว
โดยมีชาวบ้านและพี่เลี้ยงที่ปรึกษา
ประมาณ 21 คน
มีธงสีเหลืองมีข้อความว่า ธรรมยา
ตราเพื่อการประสานใจ
นำหน้าและปิดท้ายขบวนด้านละผืน
อีกทั้งมีป้ายผ้าเขียนว่า เดินเพื่อคนจน
ค้นหาความจริง และ คืน
ปลาให้แม่น้ำมูน
คืนความสมบูรณ์สู่อีสาน
นอกจากนั้นระหว่างการเดินทางรณรงค์
จะมีผู้ใช้โทรโข่ง
พูดชี้แจงกับผู้คนผ่านไป
ผ่านมาแล้ว
การเคลื่อนขบวนยังมีเสียงระฆังดังให้จังหวะกังวานอยู่ตลอดเวลาด้วย
ขบวนสมัชชาคนจนเทื่อไปถึง
บริเวณบ้านครัวแล้วก็ได้จัดแบ่งกลุ่มออกเป็นชุดๆละ
5 คน ออกเดินเคาะประตูพูดคุย
แจกแผ่น พับ
กับชาวบ้านชุมชนละแวกนั้น
บรรยากาศตามที่ผู้สื่อข่าวได้ติดตามวิธีทำงานรณรงค์แนวนี้อย่างใกล้ชิด
เห็นว่าประชาชน ทั่ว
ไปต่างให้ความสนใจ
การพูดคุยเป็นกันเองต่างก็จัดหาน้ำหาท่ามาต้อนรับเหมือนญาติสนิท
ซึ่งก็มีเหมือนกันที่บางคนใช้ท่าทาง
และวาจาเย้ยหยันไม่เห็นด้วย
แต่ชาวบ้านที่มารณรงค์ก็อาศัยความใจเย็นเข้าไปพูดคุยด้วยจึงทำให้หลายคนเริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่
ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คณะธรรมยาตราได้ตระเวณไปตามซอกซอย
ตามบ้านเรือนหลังต่างๆ
ซึ่งส่วนมากอาสาสมัครเป็นผู้สูงอายุ
แต่จากการสังเกตการทำงาน
การเอาจริงเอาจังแล้วก็เห็นว่าพวกเขาไม่มีความย่อท้อแม้แต่น้อย
กระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น. แต่
ละกลุ่มต่างทยอยไปรวมกันที่
ใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ตัดใหม่
เพื่อหยุดพักและรอกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนกลุ่มอื่นๆ
ซึ่งแต่ละคนจะห่อ
ข้าวมากินร่วมกัน
ชุมชนบ้านครัวเป็นชุมชนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างทางด่วน
ซึ่งประชากรส่วนมากนับถือศาสนา
อิสลามและ
ทั้งหมดจะต้องถูกไล่รื้อ
เวณคืนที่อยู่อาศัย
สำหรับการมารณรงค์ที่บ้านครัวของกลุ่มสมัชชาคนจนครั้งนี้เป็นชุมชนบ้านครัวฝั่ง
ตะวันตก
ซึ่งเป็นการพบปะกันระหว่างผู้มีชะตากรรมเดียวกัน
ดังเห็นได้จากแม่ใหญ่จากสมัชชาคนจนคนหนึ่งกับแม่ใหญ่
ชุมชน
บ้านครัวนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหากันอย่างถูกคอ
นางสาวปรัชญ์สิริ ไชยพุฒ
ผู้ริเริ่มโครงการธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ
นี้บอกว่า ทั้งสองส่วนไม่ว่าชนบทหรือ
เมืองหากเป็นคนจนแล้วก็มีความเดือดร้อนเหมือนกัน
คือถูกทอดทิ้ง ตนเองไม่ได้
สังกัดกลุ่มองค์กรไหนแต่ได้ติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชนเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา
คนจน จึงนำเรื่อง
นี้ไปปรึกษากับเพื่อนๆ
ร่วมกับพี่ๆที่ทำงานด้านสันติวิธีให้ช่วยคิดวางแผนงานมานานแล้ว
จึงได้เริ่มทำ น.ส.ปรัชญ์สิริ
กล่าวต่อ อีกว่า
จุดประสงค์ที่ทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการสื่อข้อเท็จจริงอันเป็นปัญหาที่พี่น้องสมัชชาคนจนประสบอยู่(ทุกขสัจ)
ไปยัง พี่น้องประชาชนทั่วไป
โดยนำศาสนธรรมจากทุกๆ
ศาสนามาเป็นหลักใจและเพื่อกระตุ้นให้เกิดความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ประสบ
ปัญหาเพื่อนำไปสู่การมีส่วนร่วม
ในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของรัฐ
อนึ่ง
ศาสนธรรมซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนไทยทั้งหลาย
ควรนำมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาในชีวิต
ทั้งระดับปัจเจกบุคคลและระดับสังคม
น.ส.ปรัชญ์สิริ
บอกอีกด้วยว่า โครงการนี้จะ
เป็นสื่อกลางเป็นเวที
เป็นลานพูดคุยให้คนทั้งหลายมาเรียนรู้ร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม
ผู้ประสานงานให้เกิดโครงการนี้ขึ้นมายังได้กล่าวย้ำอีกว่า
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมหรือต้องการรับฟังปัญหาจาก
ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงก็ขอให้ติดต่อตนได้ที่
ที่ชุมนุมสมัชชาคนจน
หน้าทำเนียบรัฐบาล
นอกจากนี้
กลุ่มอาสาสมัครธรรมยาตราฯ
สมัชชาคนจน
ได้แจ้งกำหนดการและเส้นทางสำหรับวันอื่นๆล่วงหน้ามาด้วย
โดยจะ พักวันพรุ่งนี้ 1 วัน
ส่วนวันต่อๆ
ไปมีกำหนดการดังนี้
กำหนดการธรรมยาตรา
1,3 ตุลาคม 2543 -ธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ
จะเดินเท้าไปยังชุมชนบ้านครัว
พบปะพี่น้องมุสลิมกว่า 800
หลังคาเรือน ปฏิบัติการ เคาะประตู
5 คุลาคม 2543 -ธรรมยาตราฯเดินทางไปยัง
เสถียรธรรมสถาน
6 ตุลาคม 2543 -ธรรมยาตราจะเดินเท้าไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ร่วมกิจกรรม รำลึก 6 ตุลา 8
ตุลาคม 2543 -ธรรมยาตราฯ
เดินทางไปยังบ้านเซเวียร์
พบปะกลุ่มพี่น้องชาวคริสต์
ภายหลังคณะรณรงค์ธรรมยาตราเพื่อการประสานใจได้ร่วมพักกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว
จึงได้เข้าร่วมและเปลี่ยนกับกลุ่มตัวแทน
ปัญหาชุมชนบ้านครัวและคณะคริสเตียนที่มาจากบ้านเซเวียร์
ที่มัสยิดซูลูกุลมุตตากีนในเวลาประมาณ
14.30 น.โดยใช้เวลา ประมาณ 1
ชั่วโมง
สมัชชาคนจนจึงเดินทางกลับหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน
8 หน้าทำเนียบรัฐบาล
----------------------
ธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ:ฑูตธรรมยาตรา-สมัชชาคนจน
หลักการและความเป็นมา
เอ่ยชื่อ สมัชชาคนจน
ขึ้นมาในปัจจุบันนี้
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า
ไม่เคยได้ยิน
ไม่เคยรับรู้เพราะนั่นเนื่องจากว่ากลุ่มพี่น้อง
สมัชชาคนจนได้รวมกลุ่มชุมนุมเรียกร้องทวงถามความเป็นธรรมจาก
รัฐบาลมาเป็นเวลาอันยาวนานนับตั้งแต่ปี
2538 มาแล้ว
โดยเฉพาะการชุมนุมที่สันเขื่อนปากมูล
ในชื่อ
หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน 1
นั้น
ได้ร่วมปักหลักชุมนุมติดต่อกันมาไม่ต่ำกว่า
1 ปี 6 เดือน เข้าไปแล้ว
หนึ่งปีหกเดือนท่ามกลางความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาของรัฐบาล
ภายใต้สมมติฐานที่ว่า
ปัญหาเหล่านี้ล้วน
ไม่มีอยู่จริง
การชุมนุมเป็นเพียงเกมทางการเมืองขยองพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
เป็นเพียงการทำลายความเชื่อถือในการบริหาร
งานของรัฐบาลจากฝ่ายนักพัฒนาเอกชน
(NGOs)และมายาคติอีกมากที่สรรหามากล่าวอ้าง
หนึ่งปีหกเดือนแม้จะมินับเป็นอะไร
ได้ในสายตาของคนภายนอกที่ไม่ใช่
คนจน
แต่ทว่าสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาโดยตรงแล้ว
ทัณฑ์ทรมานที่เกิดจากการถ่วงเวลา
ในการแก้ปัญหาซึ่งได้รับอยู่ทุกวี่วีนเป็นเวลายาวนานนี้
ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า
หากปัญหาไม่มีอยู่จริง
พี่น้องคนจนทั้งหลายใยถึง
ร่วมต่อสู่ได้ยาวนานถึงปานนี้?
แม้ทุกคนจะได้ยินชื่อ
สมัชชาคนจน
และเห็นภาพข่าวการชุมนุมตามสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่อวิทยุ
โทรทัศน์และสื่ออื่นๆ ก็ดี
แต่ดู
เหมือนข่าวสารข้อมูลเหล่านั่นล้วนคลุมเคลือเจือปนไปด้วยมายาคติต่างๆ
จนทำให้ผู้รับสื่อมิอาจตัดสินใจว่าอันไหนคือความจริง
อันไหนคือความลวง
ยื่งในปัจจุบัน
อังที่ทราบกันดีว่า สื่อ
ทั้งหลายจำนวนมากล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจทุนด้วยแล้ว
การไว้วาง
ใจให้สื่อทำหน้าที่ส่งผ่าน
ความจริง
อย่างชนิดที่ไม่ถูกลิดเลือนย่อมเป็นเรื่องที่มิอาจคาดหวังได้
ด้วยการที่พวกเรา
กลุ่มพี่น้อง สมัชชาคนจน
ตระหนักดีว่า
พื้นฐานจิตใจมนุษย์ทุกคนย่อมประกอบอยู่ด้วย
มนุษยธรรม อันหมายถึง
ความรัก ความเมตตา การุณย์
ความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของผู้อื่น
อันเป็นพื้นฐานจิตใจที่อยู่ภายใต้หลักศาสนธรรมของทุกๆ
ศาสนาที่เชื่อว่า สรรพชีวิตล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
พวกเราเองจึงเชื่อมั่นว่า
หากพี่น้องประชาชนคนไทย
รวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย
ได้รับข่าวสาร ข้อมูล
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีปัญหาอันเป็นสาเหตุที่ทำให้
สมัชชาคนจน
ต้องมาร่วมชุมนุมเรียกร้องอย่างถูกต้องแล้ว
อย่างน้อย
น่าจะนำไปสู่ความเข้าอกเข้าใจในกันและกันทั่งสองฝ่าย
อันจะนำไปสู่การตัดสินใจในอันดับต่อไปว่า
ท่านจะเลือกสนับสนุน
หรือช่วยเหลือพวกเราได้อย่างไร
ล่าสุดนี้
ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการกลางเพทาอแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน
16 กรณี โดยมี นายบัญญัติ
บรรทัดฐาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน
โดยมีนายบัณฑร
อ่อนดำเป็นประธานคณะกรรมการ
กลางฯ
กระทั่งออกมาเป็นข้อเสนอของมติคณะกรรมการกลางฯ
3 กรกฎาคม 2543
และที่สุดเมื่อนำเรื่องนี้เข้าสู่วาระการพิจารณา
ของคณะรัฐมนตรี
ก็ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนเมื่อวันที่
25 กรกฎาคม 2543
และมติคณะรัฐมนตรีเพื่อ
การแก้ไขปัญหาระยะยาวเมื่อวันที่
8 สิงหาคม 2543
ออกมาดังที่ปรากฏต่อสาธารณชนนั้นแล้ว
ดูเหมือนว่า
รัฐบาลได้ให้ความ
จริงใจที่สุเดแล้วในการแก้ปัญหาคนจน
แต่ไฉน
คนจนทั้งหลายยังปักหลักตรึงอยู่หน้าทำเนียบไม่ยอมกลับบ้าน
ทำไมยังทะเลาะ ไม่เลิก
ได้คืบจะเอาศอก
ได้ศอกจะเอาวา
ทำตัวเป็นที่ขายขี้หน้าแขกบ้านแขกเมือง
กู่ร้องตะโกนเหมือนวิญญาณจรจัดร้องหา
ส่วนบุญเทศกาลสารทเดือนสิบ!!!
ทำไม ทำไม ทำไม??? คือ
คำถามที่ค้างคาใจและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจจากสาธารณชน
ความไม่เข้าใจได้ดำรงสืบเนื่องมากว่า
2 เดือนเข้าไปแล้ว
จนรู้สึกเหมือนคนจนก็คือความเป็นอื่น
เป็นสิ่งแปลกปลอมที่เผอิญ
เข้ามาแทรกอยู่ข้างทำเนียบหรือหากจะนับกันตั้งแต่สมัชชาคนจนได้เคลื่อนทัพมา
ประชิดทำเนียบงแต่ก่อนหน้าเข้าพรรษาหนึ่ง
สัปดาห์ก็เป็นเวลาถึง 2
เดือนกับ 20 วันแต่กระนั้น
เมื่อมีการศึกษาเปรียบเทียบ
ข้อเสนอของคณะกรรมการกลาง
และมติคณะ รัฐมนตรีฯ
ทั้งสองวาระอย่างละเอียดแล้ว
พวกเราพี่น้องสมัชชาคนจนพบว่า
หนทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็น
รูปธรรมทั้ง 16
กรณีปัญหานั้นหาได้มีอยู่จริงไม่
หากจะพูดกันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว
ก็คือ
นี่เป็นเพียงชั้นเชิงทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาลที่
อาศัยทักษะความเชี่ยวชาญในเชิงวาทะ
มาทำให้ดูเหมือนว่า
สาระสำคัญของปัญหาได้รับการแก้ไขจากรัฐอย่าง
เต็มความสามารถ แล้ว
ส่วนข้อเรียกร้องของพี่น้องสมัชชาคนจนที่รัฐไม่สามารถรับปากแก้ไขได้นั้น
ก็เพราะไปกระทบกระเทือนต่อภาษี
ประชาชน ซึ่งตาม
หลักการแล้ว
ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นแก่คนส่วนน้อยเพื่อสูญเสียประโยชน์ของคนหมู่ใหญ่
มาถึงวันนี้
พี่น้องสมัชชาคนจน
ยังปักหลักชุมนุมโดยสันติอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาลต่อไป
เหตุผลสำคัญอันหนึ่งก็เพื่อทวงถาม
มาตรการแก้ไข
ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมจากรัฐบาล
แต่หากจะกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วจากประสบการณ์ที่ผ่านๆ
มาพวกเราล้วนไม่เชื่อมั่นว่าจะมี
มาตรการที่ว่านี้ออกมาจากฝ่ายรัฐ(ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดนี้หรือชุดไหนๆ
ที่ยังเชื่อในทิศทางการพัฒนาดังที่เป็นอยู่)
ดังนั้น พวก
เราจึงคงเหลือความหวังเพียงหนึ่งเดี่ยว
นั้นคือ
ความหวังในพลังประชาชนหรือพลังทางสังคม
อันหมายถึงพลังแห่งความเข้าอก
เข้าใจจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งชาติ
ธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ
เป็นก้าวย่างหนึ่งที่พี่น้องสมัชชาคนจนๆด้นำมาเป็น
รูปแบบในการทำความเข้าใจกับพี่น้อง
ประชาชนกรุงเทพฯและพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งชาติ
โดยธรรมยาตาฯจะกลายเป็น สื่อ
โดยตรงให้พี่น้องได้รับทราบความทุกข์ยากของพวกเราแทนที่จะผ่าน
สื่อ
ชั้นสองหรือชั้นสามดังที่ผ่านมา
ธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ
คือ การจาริก
เดินเท้าเพื่อประกาศความจริง)สัจธรรม)
ให้เป็นที่รับรู้ของคนทุกฝ่าย
โดยอาศัย
ธรรมะจากทุกๆศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจ
เป็นศูนย์รวมในการทำกิจกรรมต่างๆ
เป็นการเดินเท้าอย่างมีสติเอกระต้นเตือนให้
ความจริงได้ประจักษ์ พวกเรา
พี่น้องสมัชชาคนจน
เชื่อมั่นเหลือเกินว่า
เมื่อความจริงได้ปรากฏขึ้นจนเป็นที่ประจักษ์แจ้งต่อพี่
น้องประชาชนชาวงไทยทั้งชาติแล้ว
พลังประชาชนหรือพลังทางสังคมย่อมไม่นิ่งดูดายกับปัญหา(ทุกขสัจ)ที่คนจนประสบอยู่
อย่างแน่นอน
พลังทางสังคมย่อมนำไปสู่การคิดค้นมรรควิธีการแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์แล้เป็นรูปธรรม
แม้กระทั่งนำไปสู่การ
แก้ไขปัยหาการเอารัดเอาเปรียบเชี่ยงโครงสร้างที่คนจนทั่วประเทศประสบชะตากรรมอยู่ในขณะนี้
จุดประสงค์และเป้าหมาย
ของธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ
1.เพื่อเป็นการสื่อข้อเท็จจริงอันเป็นปัญหาที่พี่น้องสมัชชาคนจนประสบอยู่
(ทุกขสัจ)
ไปยังพี่น้องประชาชนทั่วไป
โดยนำ ศาสนธรรม จากทุกๆ
ศาสนาเป็นหลักใจ
2.เพื่อกระตุ้นให้เกิดความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ประสบปัญหา
และก่อให้เกิดจิตสำนึกร่วมกันของพี่น้องประชาชนชาวไทย
เพื่อนำ
ไปสู่การเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนา
ที่สามารถกระจายอำนาจไปสู่คนเล็กคนน้อยอย่างแท้จริง
3.เพื่อนำศาสนธรรมอันเป็นวิถีชีวิตของคนไทยทั้งหลายซึ่งมีอยู่อย่างอุดมในทุกๆศาสนา
มาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาในชีวิต
ทั้งในระดับปัจเจกลุคบคลและระดับสังคม
ตลอดถึงปัญหาในระดับโครงสร้างทางสังคม
เศรษฐกิจ และการเมือง
4.เป็นสื่อกลาง เป็นเวที
เป็นลานคุย
ให้คนทั้งหลายได้มาร่วมเรียนรู้ร่วมกัน
โดยมีกรณีปัญหาสมัชชาคนจนทั้ง
16 กรณี เป็นกรณี ศึกษา
อันจะนำไปสู่มาตรการในการแก้ไขปัญหาอื่นๆ
ในระดับโครงสร้างทางสังคมต่อไป
วินัยและระเบียบปฏิบัติของผู้เข้าร่วมขบวนธรรมยาตราฯ
1.ยึดมั่นในหลักสันติวิธีอันเป็นหลักธรรมที่อยู่ในทุกๆ
ศาสนา ทั้งในแง่การคิด พูด
กระทำ
2.ไม่พูดหรือสื่อสารใดๆ
ในเรื่องราวที่ไม่เป็นจริง
ไม่กล่าวร้ายผู้อื่นโดยไม่มีมูลความจริง
3.งดเว้นจากสิ่งเสพติด
มึนเมา ไม่ดื่มสุรา
หรือก่อเหตุอื่นใดที่นำไปสู่การทะเลาะวิวาท
4.ไม่ลักขโมย
หรือฉกฉวยสิ่งของของผู้อื่นหรือสมบัติสาธารณะ
5.ดูแลตนเองได้
ในเรื่องการกินอยู่หลับนอน
ไม่ทำตนเป็นภาระของผู้อื่น
6.เชื่อมั่นในหลักการของธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ
7.แต่งกายอย่างสุภาพ
ไม่นำสิ่งของอื่นใดที่ไม่เหมาะสมมาร่วมขบวนธรรมยาตรา
8.เดินอย่างสงบเสมือนหนึ่งผู้ปฏิบัติธรรม
ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับสาธารณชน
9.พฤติกรรมต่างๆของผู้เข้าร่วมท่านใด
หากคณะกรรมการธรรมยาตราฯพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสม
คณะกรรมการธรรมยาตรา
ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาว่าจะให้ท่านเข้าร่วมต่อไปหรือไม่
กำหนดการธรรมยาตรา
1,3 ตุลาคม 2543 -ธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ
จะเดินเท้าไปยังชุมชนบ้านครัว
พบปะพี่น้องมุสลิมกว่า 800
หลังคาเรือน ปฏิบัติการ เคาะประตู
5 คุลาคม 2543 -ธรรมยาตราฯเดินทางไปยัง
เสถียรธรรมสถาน
6 ตุลาคม 2543 -ธรรมยาตราจะเดินเท้าไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ร่วมกิจกรรม รำลึก 6 ตุลา
8 ตุลาคม 2543 -ธรรมยาตราฯ
เดินทางไปยังบ้านเซเวียร์
พบปะกลุ่มพี่น้องชาวคริสต์
กลุ่มชุมชน,หน่วยงาน,องค์กรใดต้องการพบปะคณะธรรมยาตราเพื่อพูดข้อเท็จจริง
ทำไมสมัชชาคนจนอยู่ต่อ
อยู่ได้อย่างไร
เมื่อไหร่จะกลับ
สนใจติดต่อเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนพูดคุย
พบปะกับพี่น้องคนจน ติดต่อ
01-9161478 ,01-8028403 หรือ ติดต่อโดยตรง
สมัชชาคนจน
หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน 8 (ข้างร.ร.พาณิชยการพระนคร
ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล)
|