บันทึกสถานการณ์
สมัชชาคนจน
หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน8-9
หน้าทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 3 ตุลาคม 2543
การชุมนุมของกลุ่มสมัชชาคนจน
ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
โดยตั้งเป็นหมู่บ้านชื่อว่า
หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน8และ9
นั้น ขณะนี้
ระยะเวลาผ่านไปนานกว่า 83
วันแล้ว
ซึ่งกิจกรรมภายในหมู่บ้านที่ชุมนุมประจำวันนี้
ชาวบ้านประมาณ 200 คน นำโดยนาย
ประเสริฐ พบขุนทด
แกนนำสมัชชาคนจน
จากเขื่อนลำคันฉู จ.ชัยภูมิ
และนายสวาท อุปฮาด
ที่ปรึกษาสมัชชาคนจนปัญหาป่าไม้
และที่ดิน
เคลื่อนขบวนออกจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน8
ข้าม
ถนนไปที่ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล
เพื่อเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ
ทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ที่สำนักงานข้างก.พ.
เพื่อให้หน่วยงานเป็นกลางทำการตรวจสอบเรื่องการทุริตกรณีเขื่อนลำคันฉู
.ขบวนสมัชชาคนจน
เดินทางไปถึงสำนักงาน ป.ป.ช.
เมื่อเวลาประมาณ 14.30น.
โดยชาวบ้านทั้งหมดได้เข้าไปรวมตัวกันอยู่ที่
หน้าทางขึ้น
ห้องรับเรื่องราวร้องเรียน
และก่อนจะมีเจ้าหน้าที่เขามาติดต่อรับยื่นหนังสือร้องเรียนเขื่อนลำคันฉู
ทางด้านนาย สวาท อุปฮาด
จึงได้นำแถลงการณ์เรื่อง ปลอดโกหกประชาชน
ทำตัวเป็นผู้พิพากษา
ออกมาอ่านต่อหน้าสื่อมวลชน
ซึ่งเกิด
จากการไม่เลิกราของอธิบดีกรมป่าไม้ท่านนี้ที่จ้องจะเล่นงานชาวบ้านป่าแก้งกะอารม
จ.กาฬสินธุ์
ขณะที่แกนนำชาวบ้านที่ถูกจับ
กุมยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ล่าสุดอธิบดีแรมบ้าออกมากล่าวใส่ร้ายผู้ได้รับผลกระทบว่า
ไม่เดือดร้อนจริง
มีผู้อยู่เบื้องหลังและ
มีผลประโยชน์แอบแฝง
ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน
ส่วนการดำเนินการของกรมป่าไม้ในพื้นที่ป่าแก้งกะอาม
นั้น
สำนักราชเลขาก็มีหนังสือออกมา
ระบุว่ากรมป่าไม้ไม่ควรอ้างโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ
เพื่อไล่ที่ชาวบ้าน อย่างไร
ก็ตาม นายปลอดประสพ
สุรัสวดี
ก็ยังทำตัวเป็นผู้พิพากษาตัดสินความผิดแกนนำชาวบานที่ถูกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง
เข้า จู่โจม
จับกุมและตั้งข้อหาร้ายแรงเมื่อหลายเดือนก่อนว่าเป็นผู้มีความผิด
ทั้งๆที่เรื่องนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล
และศาลจะได้นัดสืบพยานอีกครั้งวันที่
11 ตุลาคมที่จะถึงนี้
แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวยังได้ระบุอีกด้วยว่า
อธิบดีกรมป่าไม้ควร
วางตัวเป็นกลาง
และแสดงความรับผิดชอบดำเนินการจัดการกรณีการลักลอบตัดไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ยมให้เด็ดขาด
และ
ว่าต้องกล้าพิสูจน์ความจริงโดยการมาสู้กันในชั้นศาล
ไม่ใช่คอยหลบหน้าเลื่อนนัดออกไปเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม
ภายหลังออกแถลงการณ์ตอบโต้การปฏิบัติงานของอธิบดีกรมป่าไม้
จอมโอเวอร์ นายสวาทกล่าวว่า
เรื่องนี้จะทำ อย่างไรต่อไป
ตนจะนำไปปรึกษาชาวบ้านเพื่อวางมาตรการ
แนวทางร่วมกัน
ถึงเราจะเป็นแค่คนจนแต่ก็จะดำเนินการเพื่อให้ได้
มาซึ่งความเป็นธรรมอย่างอยย่างถึงที่สุด
จากนั้นนายประเสริฐ
พบขุนทด
แกนนำสมัชชาคนจนเขื่อนลำคันฉู
จ.ชัยภูมิ
ได้แถลงถึงเหตุผลที่จำเป็นต้องนำเรื่องการปฏิบัติ
หน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้าร้องเรียน
เนื่องเพราะว่า
เขื่อนลำคันฉู
ที่เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.2532 ตั้งอยู่ ต.โคกเพชรพัฒนา
อ.บำเหน็จณรงค์
ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อปี2539
ชาวบ้านหมู่บ้านต่างๆไม่เคยได้รับประโยชน์
ทั้งๆที่ก่อนเข้ามาสร้าง
กรมชลประทานแจ้งกับชาวบ้านว่า
หมู่บ้านกว่า 10
แห่งจะมีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคอย่างพอเพียง
แต่แล้ว ภายหลังโครงการ
สร้างเสร็จ
ไม่มีการดำเนินการจัดทำคลองส่งน้ำหรือระบบชลประทานใดๆทั้งสิ้น
และในเดือนกันยายน 2541
ชาวบ้านก็พบมี
รอยร้าวเกิดขึ้นบนสันเขื่อน
จึงร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงนายกรัฐมนตรี
หลายต่อหลายครั้ง
แต่เรื่องทั้งหมดก็
ไม่ได้รับคำตอบใดๆ
เจ้าหน้าที่กรมชลประทานได้ใช้ทรายและยางมะตอยมาอุดและรารูรั่วรอยร้าวไว้เท่านั้น
ซึ่งสมัชชาคนจน
เห็นว่าเป็นการกระทำเพื่อปกปิดความผิดเอาไว้
ระยะเวลาผ่านไป
ไม่มีหน่วยงานใดเหลียวแลเช่นเคย
ชาวบ้านก็พบรอยร้าวบนสันเขื่อนมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2543
นี้
ถึงขั้นที่กรมชลต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนเนื่องจากเกรงว่าตัวเขื่อนจะรับปริมาณน้ำไหว
ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับเรือก
สวนไร่นาของชาวบ้านที่อยู่ท้ายเขื่อนเป็นอย่างมาก
เจ้าหน้าที่กรมชลฯได้บอกกับชาวบ้านเมื่อถูกร้องเรียนเรื่องการระบายน้ำทำ
ให้พวกเขาได้รับความเดือดร้อน
ว่า จะรักษาชีวิตข้าวไว้หรือจะเอาชีวิตคน
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตัวเขื่อนกำลังร้าวอย่างหนัก
นายประเสริฐ
พบขุนทด กล่าวว่า
ตนได้ปรึกษาหารือกับแกนนำสมัชชาคนจนทั้งหมด
จึงนำเรื่องนี้มาร้องเรียน
เพราะชาวบ้าน
ทั้งอำเภอที่อยู่ท้ายเขื่อนต่างอยู่อย่างหวาดผวาทุกวัน
ไม่ต่างอะไรกับการนอนอยู่บนเส้นด้าย
ดังนั้นวันนี้
ตนและชาวบ้านจาก อ.บำเหน็จณรงค์
ที่ไม่สามารถจะทนกับความใจดำอำมหิตของรัฐบาล
จึงต้องมาพึ่งหน่วยงาน ป.ป.ช.
ให้ท่านที่มีอำนาจดำเนิน
การตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการสอบสวนการทุจริตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง
เขื่อน ลำคันฉู
ให้กระจ่างขึ้น
เพื่อให้พวกเราได้อยู่อย่างสงบร่มเย็นก็พอแล้ว
แกนนำสมัชชาคนจน
เขื่อนลำคันฉู
กล่าวในที่สุด
ภายหลังแกนนำสมัชชาคนจน
ได้ร่วมกันแถลงถึงสาเหตุการมาร้องเรียน
ป.ป.ช.
ครั้งนี้ต่อสื่อมวลชนแล้ว
ทางด้านเจ้าหน้าที่รับ
เรื่องร้องเรียน
จึงเข้ามารับหนังสือร้องเรียนที่ด้านหน้าประตูทางเข้านั่นเอง
โดยเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว
บอกขั้นตอนการปฏิบัติกับ
ผู้ชุมนุมว่า
ตนจะนำเรื่องไปลงทะเบียนรับไว้ก่อน
จากนั้นก็จะเสนอไปยังกองงานเพื่อดูรายละเอียด
ขั้นที่สามก็จะดำเนินการ
สรุปเรื่องส่งกลับมาที่เดิม
เพื่อให้อนุกรรมการลงความเห็นว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องนี้
ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สี่
เสร็จแล้วเจ้าหน้า
ที่ก็จะดำเนินการตามความเห็นนั้น
เป็นขั้นตอนสุดท้ายเป็นภาคดำเนินการนั่นเอง
ซึ่งเมื่อรับฟังคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่
ชาวบ้าน ทุกคนพอใจ
นายประเสริฐจึงรวบรวมหลักฐาน
ประเภทรูปถ่าย
เช่นภาพรอยร้าว
หลายๆจุดทั่วบริเวณสันเขื่อนและภาพที่
เจ้าหน้าที่กรมชลใช้ยางมะตอยอุดรูรั่วไว้
รวมทั้งภาพประกอบซึ่งเป็นผลกระทบจากเขื่อนลำคันฉูมอบให้เจ้าหน้าที่ของ
ป.ป.ช.
เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา
เมื่อได้รับสำเนาหนังสือลงทะเบียนที่เจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสารนำมามอบให้
จึงเดินทาง
กลับเข้าที่พักในหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน8และ9
*หมายเหตุ -หนังสือรับ
8839
-เรื่อง
ร้องเรียน
-รับวันที่ 3 ต.ค.43
เวลา 15.00น.
-ลงชื่อ (ลายเซ็นเจ้าหน้าที่)
2823161 ต่อ 122
************************************************
สถานการณ์โดยทั่วไป
วันนี้ (3ต.ค.43)
ขบวนธรรมยาตราเพื่อการประสานใจ
ประมาณ 30 คน
ออกรณรงค์ที่บ้านครัวฝั่งตะวันออก
โดย
จัดแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 6
ชุดๆละประมาณ6-7 คน
แล้วแยกย้ายกันออกเคาะประตูบ้านพูดคุยและแจกแผ่นพับชี้แจงเหตุผลการชุมนุมของสมัชชาคนจน
ซึ่งนายพินิจ ยอดวงษ์
หนึ่งในอาสาสมัครธรรมยาตราฯ
ผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนโป่งขุนเพชร
จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ขบวนออก
เดินทางจากหมู่บ้านในเวลาประมาณ
09.30 น.ไม่มีปัญหาการเดินทางเพราะเส้นทางเราเคยไปมาแล้วเมื่อวันที่
1 ต.ค. ครั้งนั้นเข้า
รณรงค์ที่ชุมชนฝั่งตะวันตก
นายพินิจเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสว่า
สำหรับวันนี้ตนรู้สึกประทับใจมาก
เนื่องจากผู้คนทั่วไปให้ความ
สนใจดีมาก
เข้าไปนั่งเขาก็หาน้ำหาท่ามาให้ดื่ม
บางคนถ้าพูดถึง นายชวน
เขาจะมีอารมณ์มาก
เนื่องจากไม่พอใจการบริหารที่
เหยียบย่ำคนจนนั่นเอง
อาสาสมัครธรรมฯ เล่าว่า
ช่วงตอนพักเที่ยงชาวบ้านที่นี่(บ้านครัวตะวันออก)เขาก็หาอาหารมาเลี้ยง
ถึงจะ
เป็นของกินธรรมดาๆแต่เราก็ดีใจ
ภูมิใจที่คนจนยังมีเพื่อน
นายพินิจเล่าบรรยากาศให้ฟัง
และพูดต่อว่า
กินข้าวเที่ยงเสร็จก็ออกไป
ที่
มัสยิดเพื่อร่วมวงแลกเปลี่ยนปัญหากับแกนนำบ้านครัว
2-3 คน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
คณะธรรมยาตราฯ (ทูตมิตรภาพ
ของคนจน)จึงเดินทางกลับ
-นางปราณี
โนนจันทร์ แกนนำสมัชชาคนจน
จากปัญหาปากมูล และ น.ส.สมภาร
คืนดี
ที่ปรึกษาสมัชชาคนจนได้รับเชิญไป
ออกรายการวิทยุ ที่คลื่น 92.0
เมกกะเฮิร์ต รายการ เก้าสิบสอง
สนทนา ที่ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา
เขตพญาไท ในช่วง
เวลาตั้งแต่ 09.10 น.-11.00 น.
โดยมีประเด็นซักถามจากพิธีกร
เกี่ยวกับการจัดระบบหมู่บ้านที่ชุมนุม
และทำไมถึงต้องตั้งเป็น
หมู่บ้าน
และสมัชชาคนจนอยู่กันได้อย่างไร
,ปัญหาที่มาร่วมชุมนุมมีอะไรบ้าง
ซึ่งส่วนหนึ่งก็มีผู้ฟังทางบ้านโทรศัพย์เข้ามา
สอบถามและแสดงความคิดเห็นด้วย
มีสายทางบ้านคนหนึ่งตั้งประเด็นฝากสมัชชาคนจนว่า
จะทำอย่างไรและจะใช้วิธีไหนที่จะ
ทำให้สาธารณชนเข้าใจการชุมนุมของคุณ
และคุณต้องคิดเรื่องนี้ให้มาก
ช่างตัดผมกลุ่มมารวย95
(เจ้าเดิม)
บริการตัดผมฟรีแก่ผู้ชุมนุมที่หน้าเวทีกลางหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน8
|