eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

คำบอกกล่าว

สมัชชาคนจนเดินเท้าทางไกล เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ ชีวิตและชุมชนคนลุ่มน้ำมูน

                ด้วยเมื่อก่อนพวกเราเคยมีชีวิตอยู่อย่าง สงบร่มเย็น ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตลอดมา แม่น้ำมูนและแม่น้ำสาขาน้อยใหญ่อุดมด้วยปลานานาชนิด หล่อเลี้ยงพวกเราสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน เรารู้เพียงว่าเมื่อแม่น้ำมูนยังอยู่ ชีวิตเราก็จะยังคงอยู่เช่นเดียวกันและจะยังคงสืบทอดตำนานของคนลุ่มน้ำมูนตลอดไปจนชั่วลูกชั่วหลาน

                   นับเวลากว่า ๘ ปีย้อนหลัง แม่น้ำมูนเปลี่ยนแปลงไป ด้วยเหตุของการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทั้งตอนปลายแม่น้ำคือเขื่อนปากมูล และตอนกลางของแม่น้ำนี้ คือเขื่อนราษีไศล ภายหลังการสร้างเขื่อนทั้งสอง ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำมูนที่เคยมีก็ถูกทำลาย แม่น้ำมูนเคยมีปลาหลากชนิด แต่หลังการสร้างเขื่อนปากมูลปลาเหล่านั้นได้สูญไป เนื่องจากเขื่อนได้ขวางทางของปลาจากแม่น้ำโขงที่จะขึ้นมาวางไข่ตามเกาะแก่ง แหล่งพักพิงต่างๆ ในแม่น้ำมูนและแม่น้ำสาขา บันไดปลาโจนที่สร้างไว้ ปลาไม่สามารถข้ามได้ เนื่องจากปลาในแม่น้ำมูนส่วนใหญ่เป็นปลาขนาดใหญ่ เมื่อไม่มีปลาชีวิตของคนหาปลาในลุ่มน้ำมูนก็ถูกทำลายลง และเช่นเดียวกัน รายได้ที่เคยได้ อาหารที่เคยมี ความรู้เรื่องการหาปลาที่เคยถ่ายทอดให้กับลูกหลานสืบต่อกันมา เหล่านี้ก็หมดสิ้นไปด้วย สองริมฝั่งแม่น้ำมูนเต็มไปด้วยต้นไมยราพยักษ์ ที่เข้ามายึดครองพื้นที่เพาะปลูก และได้ทำลายพืชผักสมุนไพรธรรมชาติที่เคยมีมาในอดีต

                การสร้างเขื่อนราษีไศล ได้ทำลายป่าบุ่งป่าทามอันอุดมสมบูรณ์ ที่คนในชุมชนได้พึ่งพา พื้นที่ทำมาหากินถูกน้ำท่วม ในขณะเดียวกันน้ำเขื่อนยังได้นำพาเอาเกลือที่อยู่บนผิวดินและใต้ดินไปสู่พื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำ เกิดน้ำเค็ม ดินเค็ม ระบาดไปทั่ว ปลาจำนวนมากก็ไม่สามารถผ่านเขื่อนราษีไศลขึ้นไปสู่ยอดน้ำและแม่น้ำสาขาต่างๆ ได้ แต่กลับเกิดต้นไมยราพยักษ์ขึ้นมาแทนที่

                ความเสียหายจากเขื่อน ที่สุดคณานับนี้ ก่อให้เกิดการล่มสลายของชุมชนคนลุ่มน้ำ และความเสียหายดังกล่าวยังไม่มีหน่วยงานใดๆ เข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง การแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเพียงคำโฆษณาที่สวยหรู แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ได้แม้เพียงบรรเทาความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นจากเขื่อนซึ่งนับวันความเสียหายเหล่านี้ยิ่งทบทวีคูณ

                พวกเราเห็นว่า มีแต่การกลับคืนมาของแม่น้ำมูนเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตของเราและชุมชนของเราอยู่ได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน นั่นก็คือจะต้องเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล และเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร  เพราะเมื่อเปิดประตูเขื่อนทั้งสอง ปลาจากแม่น้ำโขงก็จะสามารถขึ้นมาวางไข่ตามเกาะแก่ง และป่าบุ่งป่าทาม ในแม่น้ำมูนได้ แก่งหินต่างๆ ก็จะกลับคืนมา ป่าบุ่งป่าทาม ที่ดิน ที่เหมาะกับการเพาะปลูก พืชผักสมุนไพรริมมูน ก็จะคืนมาดังเดิม เมื่อแม่น้ำมูนกลับคืนมาเป็นธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆ ก็จะกลับมา นั่นก็คือชีวิตของพวกเราก็จะดีขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

                เราได้รวมตัวกันที่ริมสันเขื่อนปากมูล จัดตั้งหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนขึ้นเมื่อ วันที่ ๒๓ มี.ค.๒๕๔๒ เป็นหมู่บ้านแห่งการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม เพื่อเสนอข้อเรียกร้องนี้ต่อรัฐบาล จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆจากผู้มีอำนาจในการแก้ไขปัญหา แม้จะมีการทดลองเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลและเขื่อนราษีไศลเป็นการชั่วคราว แต่ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถาวรและยั่งยืน 

                การเดินเท้าทางไกล ของพวกเราในครั้งนี้ เริ่มออกจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน ในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๔เป็นการเดินเพื่อขอการสนับสนุนจากพี่น้องชาวอีสานและพี่น้องชาวไทย โดยจะเดินบอกกล่าวและหยุดพักเพื่อชี้แจงตามชุมชนต่างๆ จากอุบลราชธานีถึงทำเนียบรัฐบาล เป็นการเดินเท้าอย่างเดียวตลอดเส้นทาง เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูแม่น้ำมูน ฟื้นฟูชุมชนและชีวิตของพวกเราผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน รวมถึงการชดใช้ความเสียหายที่เกิดจากการสร้างเขื่อนที่ผ่านมา อย่างเป็นธรรม 

                เราจะเดินอย่างไม่ย่อท้อ จะไม่กลัวต่อความทุกข์ยากลำบาก แม้เราจะเหนื่อยล้าเพียงใดหรือเจ็บป่วยระหว่างการเดินทาง เราจะเดินจนกระทั่งถึงทำเนียบรัฐบาล เป็นระยะทางกว่า ๗๐๐ กิโลเมตร แม้จะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม และจะเดินจนกว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของเรา

เปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล เขื่อนราษีไศล คืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับคนอีสาน

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ศักดิ์ศรีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตบนความตายของประชาชน

 

เมื่อเวลา ๐๘.๐๐ น.ของวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๔  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ทำการปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง ๘ บานโดยปิดประตูน้ำสนิทถึง ๔ บาน  และยกสูงประมาณ ๕๐ เซนติเมตรอีก ๔ บาน เป็นผลทำให้น้ำในแม่น้ำมูนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำมีมากจนท่วมบ้านเรือนประชาชนอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนั้นยังทำให้ กระแสน้ำในแม่น้ำมูลบริเวณใต้เขื่อนเชี่ยวกว่าปกติ เป็นคลื่นสูงประมาณ ๑-๒ เมตร ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับเรือของชาวบ้านที่จอดไว้ในบริเวณเท้ายเขื่อนเสียหายเป็นจำนวนหลายลำ และระดับน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ก่อนการปิดประตูน้ำ

ขณะเดียวกันการปิดเขื่อนในวันนี้การไฟฟ้าฯไม่ได้ให้สัญญาณใดๆ ล่วงหน้ามีเพียงการส่งคนไปบอกกลุ่มจัดตั้งของกฟผ.ในหมู่บ้านหัวเห่วประมาณ ๒๐ คน ให้เตรียมลงหาปลาท้ายเขื่อน ซึ่งภายหลังการปิดเขื่อนก็ได้มีชาวบ้านจำนวนดังกล่าวลงหาปลา โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็ได้นำกล้องวีดีโอบันทึกภาพ และสัมภาษณ์ชาวบ้านที่ได้เตรียมเอาไว้แล้วด้วยส่วนกลุ่มคนที่ไม่ได้เป็นกลุ่มจัดตั้งก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก นอกจากนี้แล้ว การปิดน้ำอย่างกระทันหันส่งผลให้ปลาเล็กปลาน้อยท้ายเขื่อนค้างอยู่ตามซอกหิน หาดทรายเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้การไฟฟ้าฯได้เก็บภาพการเก็บปลาของชาวบ้านไว้

การกระทำของการไฟฟ้าฯไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งกลุ่มชาวบ้านเพื่อให้ลงหาปลาท้ายเขื่อนแล้วเก็บภาพ สัมภาษณ์ ชาวบ้านที่มาหาปลาหลังปิดน้ำ นับว่าเป็นการกระทำที่ใช้ความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของชาวบ้านเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ขององค์กรตนเอง เป็นความตั้งใจที่จะทำลายธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ทำลายชีวิตของชาวบ้าน แม้ว่าน้ำจะยังท่วมไร่นา ท่วมบ้านเรือน กฟผ.ก็ไม่ได้ใส่ใจใดๆ ทั้งสิ้น

ในขณะที่สมัชชาคนจนหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน ก็ได้เตรียมออกเดินรณรงค์เพื่อเรียกร้องการเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล และเขื่อนราษีไศลอย่างถาวร ให้ฟื้นฟูธรรมชาติ ชุมชนและชีวิต รวมทั้งชดใช้ค่าความเสียหายอันเกิดจากการสร้างเขื่อน ซึ่งจะเริ่มเดินรณรงค์ในวันที่ ๙ ตุลาคม 44 โดยจะเริ่มเดินจากหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืนริมสันเขื่อนปากมูนจนถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา