การเปิดเขื่อนปากมูน
การกลับมาของภูมิปัญญาคนลุ่มน้ำมูน
ภายหลังการเปิดเขื่อนปากมูน
เมื่อเดือนมิถุนายน 2544
เป็นต้นมา กระทั่งปัจจุบัน
มีบทพิสูจน์เกี่ยวกับการกลับมาของวิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำมูนที่ตัดไม่ขาดจากการหาปลาเป็นอาชีพหลัก
เมื่อเปิดเขื่อนปลาหลากชนิดที่เป็นปลาจากแม่น้ำโขงสามารถเดินทางเข้ามายังแม่น้ำมูน
เพาะพันธุ์วางไข่ อาศัย
อยู่ในแม่น้ำมูนได้
คนลุ่มน้ำมีโอกาสลงหาปลาได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ไม่มีปลาในแม่น้ำมูนมาเกือบ
10 ปี
ตุ้มปลายอน
เป็นเครื่องมือหาปลาขนาดใหญ่
สูงราว 8-15 เมตร
ที่ได้หายไปจากแม่น้ำมูนหลังจากปิดเขื่อนปากมูน
ด้วยเหตุที่ไม่สามารถใส่ตุ้มได้ในแม่น้ำ
เพราะไม่มีปลา
และกระแสน้ำไม่เป็นธรรมชาติ
เนื่องจากบริเวณที่สามารถใส่ตุ้มได้จะมีลักษณะเฉพาะที่
ในปลายแม่น้ำมูน
สามารถใส่ได้บริเวณท้ายแก่งสะพือ
แถบบ้านค้อใต้
และอีกบริเวณหนึ่งคือท้ายเขื่อนปากมูนบริเวณบ้านท่าแพ
ในปีนี้ คนใส่ตุ้ม
สามารถใส่ตุ้มในแม่น้ำมูนได้ทั้งสองบริเวณ
แม่น้ำมูนคึกคักขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งหากไม่มีการเปิดเขื่อนปากมูนความรู้ในการหาปลาด้วยตุ้มก็เกือบจะหมดไปจากคนลุ่มน้ำมูน
การใส่ตุ้มปลายอน
จะใส่ไว้ในน้ำตลอดทั้งวันทั้งคืน
โดยจะมีเหยื่อซึ่งเป็นข้าวต้มเละๆ
ใส่ไว้ในตุ้มเพื่อล่อปลาให้เข้าตุ้ม
เจ้าของตุ้มจะลงเอาปลาจากตุ้ม(เรียกว่าการยามตุ้ม)
ในตอนเช้ามืดของทุกวัน
ปลาส่วนใหญ่ที่เข้าตุ้มจะเป็นปลายอน
จึงได้เรียกว่าตุ้มปลายอน
จะมีปลาชนิดอื่นปะปนบ้างแต่ไม่มาก
หรือไม่มีเลยในบางครั้ง
ในปีนี้ ชาวบ้านค้อใต้
บ้านท่าแพ
ได้สานตุ้มเพิ่มเป็นจำนวนมาก
คนใดมีตุ้มอันเก่าอยู่แล้วก็นำมาซ่อมแซมเพื่อให้ใช้การได้
บางคนก็ลงทุนซื้อใหม่จากผู้ที่สานเป็น
บางคนก็สานใช้เองตามแต่จะชำนาญ
อย่างไรก็ตามคนหาปลา
ไม่ใช่มีเพียงคนใส่ตุ้มเท่านั้นที่ยังมีความหวังถึงอนาคตที่จะมีปลาในแม่น้ำมูนอย่างอุดมสมบูรณ์
คนหาปลาด้วยเครื่องมืออื่น
เช่น ไหลมอง(ตาข่าย)(ในรูปที่ส่งมา
1 รูป) และเครื่องมืออื่นๆ
เพราะการมีแม่น้ำ
มีปลาที่อุดมสมบูรณ์นั่นคือ
ความมีอยู่มีกิน มีรายได้
มีความสงบสุข
ดังเช่นก่อนการสร้างเขื่อนปากมูนเมื่อเกือบสิบปีที่ผ่านมา
|