eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

ปฏิบัติการเถื่อนบุก ไล่รื้อ ทำลายกลุ่มผู้ชุมนุมสมัชชาคนจน

กรณีเขื่อนปากมูล หน้าทำเนียบรัฐบาล

การปฏิบัติการอย่างอุกอาจไล่รื้อคนจนกลางกรุง เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.20 น.ของวันที่ 5 ธันวาคม 2545 ในที่ชุมนุมสมัชชาคนจน บริเวณ ถ.นครปฐม ได้มีกลุ่มชายวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ประมาณ 30 คน เดินบุกเข้ามายังที่ชุมนุมของชาวบ้าน พร้อมระดมรื้อเต็นท์ที่พักของชาวบ้านขณะที่กำลังนอนหลับ ข้าวของที่เก็บอยู่ในเต็นท์ถูกเตะกระจุยกระจาย บางส่วนถูกโยนลงคลองข้างที่ชุมนุม พร้อมทั้งตะโกนด่าชาวบ้าน ซึ่งกำลังงัวเงียว่า “พวกมึงไม่รู้หรือว่าวันนี้วันอะไร ทำไมไม่กลับไป” โดยไม่ฟังเสียงชาวบ้านที่ขอร้องไม่ให้ทำลายข้าวของ

ขณะที่ชายกลุ่มดังกล่าวปฏิบัติการก็ขู่ชาวบ้าน“ห้ามขยับ” “ใครสู้เอามันเลย” ในมือของทุกคนมีอาวุธ บางคนมีไม้กระบอง บางคนมีมีดดาบ มีดสั้น กรูเข้าตัดสายเต็นท์ สายมุ้งชาวบ้าน รื้อเหยียบเต็นท์ ทำให้เต็นท์ที่พักล้มทับคนแก่ที่กำลังนอนอยู่ข้างใน นอกจากนั้นกลุ่มชายดังกล่าวยังมีขวดบรรจุน้ำมัน มาด้วย ซึ่งมีชายผู้หนึ่งพยายามจะจุดไฟเผาขณะที่ปฏิบัติการไล่รื้อกำลังจะสิ้นสุด แต่ถูกคนสั่งการห้ามเอาไว้ โดยตะโกนว่า “เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่” จึงได้โยนขวดนั้นลงคลองไป ชาวบ้านตื่นตระหนก ได้แต่นั่งนิ่งดูการปฏิบัติการอันป่าเถื่อน แม้บางคนจะยกมือไหว้พยายามขอร้องไม่ให้รื้อและทำลายข้าวของ แต่ก็ไม่เป็นผล

            ข้าวของต่างๆ ถูกทุบทำลาย ข้าว ปลาอาหาร เครื่องนอน เสื้อผ้า และเต็นท์บางหลังของชาวบ้านที่เดินทางกลับไปทำธุระที่บ้าน ถูกทิ้งลงไปในน้ำคลอง ทั้งหมด รวมทั้ง มัดกระดาษ กระสอบขวดโพลาริส ที่ชาวบ้านได้ไปคุ้ยจากขยะมาไว้เพื่อเตรียมไว้ขายเป็นรายได้ ก็ถูกโยนทิ้งลงไปในน้ำด้วย

            “ป้ายผ้าเอาไปให้หมดอย่าให้เหลือ” คนสั่งการออกคำสั่งเด็ดขาด ปฏิบัติการมีดตัดสาย ไฟแช็ค และการกระโดดดึงป้าย เป็นไปอย่างรวดเร็ว

            “นายสั่งมาต้องทำ ไม่ทำไม่ได้” ประกาศิตของผู้สั่งการกลุ่มดังขึ้น ขณะชาวบ้านก็ได้เพียงแต่นั่งดูการปฏิบัติการ ไม่มีใครกล้าที่จะออกมาจากเต็นท์ ได้แต่นั่งนิ่งและขอร้องไม่ให้ทำ

            การจู่โจมครั้งนี้ มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่เป็นเหมือน “หัวหน้าใหญ่” เป็นผู้คอยสั่งการทุกอย่าง  รวดเร็ว ว่องไว เหมือนกับได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี แม้บางคนอยู่ในอาการเมามาย

            ปฏิบัติการรุกฆาตรใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงมีความสั่งจากชายคนเดิมให้ “กลับ” ทั้งหมดจึงวิ่งออกไปทางเส้นทางถนนพิษณุโลก พร้อมทั้งหอบป้ายผ้าของชาวบ้านไปทุกป้าย ไม่เว้นแม้แต่ป้าย “ขอจงทรงพระเจริญ” ที่ชาวบ้านเขียนเนื่องในวันพ่อแห่งชาติด้วย

            นายคง มหาไชย อายุ 61 ปี เล่าว่า เต็นท์ที่พักของตนเป็นเต็นท์แรกที่คนกลุ่มนี้เข้ามารื้อ ขณะที่กำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงคนอื้ออึงจึงลุกขึ้นมาดู เห็นคนกำลังเอามีดกรีดผ้า และใช้มีดตัดสายเต็นท์ รื้อออกแล้วลากลงคลอง ตนได้ขอร้องว่าอย่าทำลายของพ่อเลยลูกเอ๋ย แต่มีคนสั่งว่า ใครสู้ตีมันให้ตายเลย ไม่สู้อย่าทำเขา ข้าวของที่อยู่ข้างๆ ที่เป็นของเพื่อนที่กลับไปบ้านเขาฝากเอาไว้และเก็บไว้ในเต็นท์ถูกเตะทิ้ง และโยนลงน้ำทั้งห่อเสื้อผ้า ผ้าห่ม กระสอบข้าว ส่วนตนได้ตามลงไปเอาข้าวของที่โยนลงในน้ำ

นายสมเกียรติ พ้นภัย กล่าวว่า ตนอยู่อีกด้านหนึ่งของถนน เห็นชายผู้หนึ่งพยายามจะเผา ด้วยการจุดไฟจากขวดที่ถือมาด้วย แต่มีเสียงห้ามบอกว่าเดี๋ยวไฟติดจะระเบิด  ชายคนที่เข้าห้ามจึงมีโยนขวดลงน้ำคลอง ปฏิบัติการของกลุ่มนี้เร็วมาก ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็สั่งให้กลับ ได้ยินคนบอกว่าจำเป็นต้องทำเพราะเบื้องบนสั่งมาแล้ว ป้ายผ้าต้องเอาออกให้หมด เมื่อเขาเอาป้ายผ้าหมดแล้ว ก็หอบไปด้วย

            นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ตนรู้สึกงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะชาวบ้านที่เข้ามาชุมนุมก็อยู่กันอย่างสันติมาโดยตลอด ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร หนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่ชาวบ้านเข้ามาชุมนุมที่หน้าทำเนียบก็ไม่มีปรากฏการณ์ว่าจะมีความรุนแรงเช่นนี้เลย เพราะเรามาเพียงเพื่อจะให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้อย่างเป็นธรรม ให้เปิดเขื่อนปากมูล ฟื้นคืนธรรมชาติให้กับพวกเราเพื่อที่จะได้อยู่กันอย่างสงบสุข ในยุคนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณแบบนี้ขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ที่วันเป็นมงคลของประเทศไทยแบบนี้

 

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา