คนจนร่วมทำบุญส่งท้ายปีเก่า
ต้อนรับปีใหม่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
31 ธันวาคม 2545
สมัชชาคนจนร่วมกันทำบุญเลื้ยงพระ
ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.
ของวันที่ 31 ธันวาคม 2545
ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
ได้มีพระจากกลุ่มเสขิยธรรมจำนวน
2 รูป เดินทางมายังที่ชุมนุม
และจากนั้นได้เทศนาให้ชาวบ้านฟัง
ภายหลังการเทศนา ประมาณเวลา
11.00 น.
ชาวบ้านได้ร่วมกันถวายพระภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ทั้งสองรูป
ขณะพระกำลังฉันภัตตาหาร
นายเปาโล คำสวัสดิ์
ได้ประกาศให้มีการจับสลากรางวัลของขวัญ
โดยมีตัวแทนชาวบ้าน 5
คนแสดงเป็นตัวแทนจากรัฐบาล
มามอบของขวัญให้กับชาวบ้าน
ของขวัญที่มอบให้ได้แก่
รูปเปิดประตูเขื่อนปากมูลทั้งแปดบาน
รูปวิถีชีวิตของคนในลำน้ำมูน
ซึ่งชาวบ้านจะแสดงเป็นนายกรัฐมนตรีทักษิณ
ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นายเนวิน นายพงศ์เทพ
นายแพทย์พรมมินทร์
ซึ่งทั้งหมดก็จะอวยพรให้อยู่เย็นเป็นสุขกับของขวัญที่มอบให้ในปีใหม่นี้
เมื่อได้รับของขวัญจากฝ่ายรัฐบาลแล้ว
ชาวบ้านก็ได้มอบของขวัญให้กับรัฐบาล
โดยได้ยกเขื่อนปากมูลจำลองให้
บรรยากาศเป็นไปด้วยความฮือฮา
สนุกสนาน หลังจากนั้น
ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มอบของขวัญให้กับชาวบ้านด้วยเช่นเดียวกัน
ภายหลังการมอบของขวัญแล้ว
ชาวบ้านได้ร่วมกันรับพร
และรับน้ำมนต์จากพระสงฆ์
จากนั้น
นายชนาธิป พิมพ์ราช
ได้อ่านแถลงการณ์คำตอบที่นายกฯ
ต้องให้ความชัดเจนก่อนการตัดสินใจเรื่องเขื่อนปากมูลโดยกล่าวว่า ในกรณีปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนปากมูลที่ชาวบ้านได้เสนอให้มีการเปิดเขื่อนอย่างถาวรเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศของแม่น้ำ
ฟื้นฟูชีวิตและชุมชนที่ได้รับผลกระทบภายหลังการสร้างเขื่อน
จากกรณีดังกล่าว
รัฐบาลได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นผู้ทำการศึกษาวิจัย
เกี่ยวกับการเปิดเขื่อน
เป็นระยะเวลา 1 ปี
โดยได้อนุมัติงบประมาณกว่า
10 ล้านบาท
และได้ย้ำว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะใช้การศึกษาชุดนี้เท่านั้นเป็นฐานในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา
นายชนาธิปกล่าวต่อไปว่า
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2545
ได้มีมติ ครม.
ให้เปิดเขื่อนเพียง 4
เดือนใน 1 ปี ซึ่งนับว่า
เป็นครม.ที่ขัดกับผลของการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีอย่างสิ้นเชิง
ที่เสนอให้เปิดเขื่อนตลอดปี
อย่างน้อย 5 ปี
ประเทศไทยก็ยังมีไฟฟ้าใช้ประเทศ
ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ
ที่บอกว่า ภายในปี 2548
หากเปิดเขื่อนปากมูลตลอดปี
ไม่ต้องผลิตกระแสไฟฟ้าเลยก็จะไม่กระทบต่อระบบไฟฟ้าแต่อย่างใด
หลังจากนั้น
ในวันที่ 20 ธันวาคม 2545
นายกรัฐมนตรี
ได้นำตัวแทนชาวบ้านจำนวน 30
คน เข้ารับฟังจากม.อุบลฯ
และให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
ได้เดินทางไปยังพื้นที่เขื่อนปากมูลในวันที่
24 ธันวาคม
ด้วยเหตุผลที่ว่าให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นประกอบการตัดสินใจ
ซึ่งภายหลังการลงพื้นที่
นายกรัฐมนตรี นายทักษิณ
และตัวแทนรัฐบาลได้พูดถึงการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลฯ
ว่าเป็นการวิจัยที่ไม่รอบด้าน
ไม่เป็นธรรม
ไม่เหมาะสมที่รัฐบาลจะใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาเรื่องเขื่อนปากมูล
สิ่งที่นายกฯ
ต้องตอบให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ
งานวิจัยของ ม.อุบลฯ
นั้นไม่เหมาะสม
หรือไม่รอบด้านย่างไร
ซึ่งนายกรัฐมนตรี
จะต้องตอบคำถามนี้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
ให้ชัดเจนต่อสังคม
รวมถึงสมัชชาคนจน
ไม่ใช่เพียงการพูดเพื่อโฆษณาชวนเชื่อ
หรือใช้วิธีการสื่อสารกำกวมให้เข้าใจผิดกับคำของนายกฯและฝ่ายรัฐบาล
และหาก ฯพณฯ นายกฯ
และรัฐบาลเห็นว่า
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยอุบลฯไม่เหมาะแล้ว
รัฐบาลจะใช้ข้อมูลอะไรในการตัดสินใจเรื่องนี้
ใช้ด้วยเหตุผลใดบ้าง
และจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร
ข้อมูลอื่นที่ได้มานั้นได้มาด้วยวิธีการใด
เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมักจะอ้างเสมอว่า
รัฐบาลจะยึดข้อมูลในงานวิจัยของม.อุบลฯเท่านั้น
เพราะถือเป็นงานการวิจัยของรัฐบาลเอง
นายชนาธิปกล่าวต่อว่าที่ผ่านมา
ฯพณฯ นายกฯ
ได้พยายามเน้นย้ำเกี่ยวกับการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องเขื่อนปากมูล
ซึ่งคำถามก็มีอยู่ว่า
ฯพณฯ นายกฯ จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้อย่างไร
และ มีเนื้อหาอย่างไร และ
มีวิธีการอย่างไร
ในการตอบสนองหลักการของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ให้เกิดการปฏิบัติจริงไม่ใช่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ
หรือเพื่อการสร้างภาพให้กับรัฐบาลเท่านั้นและการนำคณะรัฐมนตรีการลงพื้นที่
ในวันที่ 24 ธันวาคม
ที่ผ่านมานั้น แทนที่นายกฯ
จะนำนายประพัฒน์
ปัญญาชาติรักษ์
รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพราะเป็นหน่วยงานที่เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ติ
เพราะสิ่งที่ชาวบ้านเสนอคือการฟื้นฟูระบบนิเวศแม่น้ำ
ฟื้นฟูธรรมชาติ แต่ ฯพณฯ
กลับนำนายเนวิน ชิดชอบ
ลงไปด้วย
ซึ่งหลังจากนั้นนายเนวินก็ได้เพียงการเสนอแผนเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ปลา
การปล่อยปลา
ปล่อยกุ้งลงในแม่น้ำมูน
การส่งเสริมระบบชลประทาน
ซึ่งการส่งเสริมในเรื่องทั้งหมดนี้
สมัชชาคนจนเห็นว่า แผนต่างๆ
เหล่านี้ได้ดำเนินการมาตลอดเกือบ
10 ปีที่ผ่ามา
แต่เกิดความล้มเหลวไม่สามารถฟื้นฟูได้
หากมีการซ้ำรอยความผิดพลาดเดิม
หากจะยังมีแผนเหล่านี้อยู่ก็นับได้ว่าเป็นการผลาญงบประมาณชาติอย่างเปล่าประโยชน์
ซ้ำร้าย
จะเป็นการนำไปสู่การคอรัปชั่นและเป็นวิธีการหาผลประโยชน์จากโครงการ
ในกลไกของรัฐเอง
ความล้มเหลวในแผนการฟื้นฟูชีวิตชาวบ้านด้วยวิธีการดังกล่าว
ที่ผ่านมา
นับเป็นบทเรียนที่สำคัญ
ที่รัฐจะต้องทบทวน
เพื่อไม่ให้ผิดซ้ำซาก
ซึ่งแต่ทำไมนายกรัฐมนตรี
ทักษิณ
ยังยืนยันที่จะทำวิธีการเดิมๆ
เหล่านี้อีก
และต่อกรณีการฟื้นฟูดังกล่าวศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลฯ
ก็ได้ศึกษาไว้ชัดเจนแล้วว่า
หากจะฟื้นฟูระบบนิเวศแม่น้ำมูน
ฟื้นฟูสังคม ชุมชน เศรษฐกิจ
นั้นรัฐบาลจะต้องเปิดเขื่อนตลอดปีเท่านั้น
นายชนาธิปกล่าวในที่สุด
จากนั้นชาวบ้านได้รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน
ที่หน้าเวทีที่ชุมนุม
|