eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

สถานการณ์การเปิดเขื่อนปากมูน จาก ๑ กรกฎาคม เป็นต้นมา

                ประตูเขื่อนปากมูนถูกยกขึ้นทั้งแปดบานเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ตามมติครม.๑๔ มกราคม ๒๕๔๖ หลังจากที่ปิดลงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕ เป็นต้นมา ก่อนหน้านั้นได้ทดลองเปิดเป็นเวลา ๑๖ เดือน แม้ว่าการเรียกร้องของชาวบ้านยืนยันว่าธรรมชาติของแม่น้ำมูนจะฟื้นคืนมาเอื้อต่อการดำรงชีวิต ของคนในชุมชนลุ่มน้ำประตูเขื่อนจะต้องเปิดตลอดไปเท่านั้น เนื่องจากการอพยพของปลาจากแม่น้ำโขงมีอยู่ตลอดทั้งปี และระบบนิเวศอื่นของลุ่มน้ำโดยเฉพาะในตอนปลายของลำน้ำเป็นระบบนิเวศพิเศษ ที่เอื้อต่อการอพยพของปลาและการดำรงอยู่ของคน

 การเปิดเขื่อนเพียง ๔ เดือน หรือเป็นการเปิดๆ ปิดๆ อย่างที่มีมติครม.นั้นไม่ได้ทำให้ระบบนิเวศของแม่น้ำฟื้นตัวได้ เพราะเมื่อใกล้ฟื้นประตูเขื่อนก็ปิดกักน้ำท่วมขึ้นมาอีก ในทางกลับกันจะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับแม่น้ำ ดังที่เห็นตัวอย่างชัดเจนในคราวที่มีการปิดเขื่อนในเดือนพฤศจิกายน และเปิดในเดือนธันวาคม ๒๕๔๕ ที่ผ่านมา ตลิ่งมูนพังทลายลงกินพื้นที่จำนวนมาก ตลิ่งชันขึ้น ต้นไม้ใหญ่ที่เคยได้ใช้ประโยชน์พังลงไปแช่อยู่กลางแม่น้ำ เป็นเหตุหนึ่งทำให้น้ำตื้นเขิน วัวควายเคยลงมูนได้ก็ลงไม่ได้ บริเวณที่เคยปลูกพืชผักก็ปลูกไม่ได้ เป็นต้น

พรานปลาคนหนึ่งบอกว่ากรกฎาคม หรือเดือนแปดเป็นปลายของฤดูการอพยพของปลาแล้ว พอถึงเดือนเก้าเดือนสิบปลาก็หาทางลงไปแม่น้ำโขงแล้ว ดังนั้นจึงโอกาสน้อยมากที่ปลาจะเข้ามาในแม่น้ำมูน หากปีใดน้ำน้อยก็ถือเป็นโชคร้ายของคนหาปลาเพราะปลาจะไม่เข้ามูน ทำให้ปลาในแม่น้ำมีน้อย

                การเปิดเขื่อนปากมูนในเดือนกรกฎาคม แม้จะเป็นการเปิดในช่วงฤดูน้ำหลาก แต่ในปีนี้น้ำมาช้า มาน้อยจึงทำให้เห็นแก่งหินโผล่พ้นน้ำอยู่ในบางแก่ง ปกติหลังเดือนพฤษภาคมจะไม่เห็นแก่ง

กรกรฎาคม เมื่อยกประตูยังสามารถเห็นแก่งหินในแม่น้ำมูนอยู่เกือบทุกแก่ง เนื่องจากขณะนั้นน้ำในแม่น้ำยังน้อยอยู่ ชาวบ้านบอกว่าปีนี้น้ำมาช้า สภาพที่เกิดขึ้นคือ แก่งทั้งหลายถูกอุดตันด้วยโคลนดินโดยเฉพาะหน้าเขื่อน หินที่โผล่มีคราบไคลลื่นอันตราย ชาวบ้านบอกว่า ที่แก่งเป็นเช่นนี้เพราะไม่ได้ถูกน้ำเซาะออก หลายเดือนที่เขื่อนปิด น้ำนิ่ง ทำให้ดินตะกอนที่พัดพามากับน้ำเข้าอุดในแก่ง  กว่าที่แก่งจะกลับคืนดังเดิมที่มีรู มีโบก ต้องใช้เวลาพอสมควรในระยะเวลาเพียง ๔ เดือนที่เปิดนี้คงไม่สามารถทำให้แก่งเหล่านี้กลับสู่สภาพเดิมไม่ได้ การอุดตันเหล่านี้จะส่งผลให้ปลาที่เข้ามาในช่วงเปิดเขื่อนไม่มีที่อยู่อาศัย ส่งผลต่อพฤติกรรมปลา และการหาปลาของคนหาปลาด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากแก่งแล้ว ระบบนิเวศอื่นก็คงอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกันเพียงแต่อยู่ใต้น้ำ เช่น ขุม วัง ต่างๆ ก็ตื้นเขินขึ้น

ในช่วงแรกของการเปิดเขื่อน แม่น้ำมูนยังคงเงียบเชียบจากคนหาปลา โดยเฉพาะลวงไหลมองทั้งหลาย ทั้งลวงขุมบก(บริเวณบ้านหนองโพธิ์อ.พิบูลมังสาหาร) ลวงบ้านวังสะแบงใต้ อ.โขงเจียม เนื่องจากไม่มีปลาเข้า คนหาปลาบอกว่าต้องรอฝนมาก่อนปลาจึงจะเข้า โดยก่อนหน้านี้ฝนใหญ่ได้เทลงมาก่อนการเปิดเขื่อน ปลาเฮเข้ามาในแม่น้ำมูน แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ นั้นคือปลางวดแรก ซึ่งถือเป็นงวดใหญ่ที่สุดเพราะเป็นช่วงต้นของการอพยพของปลาใหญ่ แต่เดือนกรกฎาคมนี้ นอกจากไม่มีฝนแล้วยังเป็นช่วงปลายของการอพยพของปลาแล้ว

ต้นสิงหาคม ฝนใหญ่เทลงมา ทำให้คนหาปลาได้เฮ โดยเฉพาะตามลวง(บริเวณหาปลา)ไหลมองลวงต่างๆ เรือเกือบร้อยลำเข้าคิวลงไหลมอง แต่ละครั้งที่ไหลมักจะมีปลาตัวใหญ่ติดมองขึ้นมาให้คนหาปลาได้มีกำลังใจหาในครั้งต่อไป รายได้ช่วงต้นสิงหาคมนั้นนับเป็นรายได้ที่ค่อนข้างดี อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าวันละ ๑๐๐-๒๐๐ บาท คนขยัน หรือหาเก่งก็จะได้มาก ส่วนการหาด้วยวิธีอื่นก็สามารถทำได้ในช่วงนั้น ได้แก่ การใส่ตุ้มปลายอนของบ้านค้อใต้ อ.พิบูลมังสาหาร และบ้านท่าแพ อ.โขงเจียม การหาด้วยการใส่เบ็ดราว จั่น อีหลง ลอบ และอื่นๆ ตามแต่คนหาปลาคนใดถนัดเครื่องมือชนิดใด ปลาที่มากับน้ำในต้นสิงหาคนหาปลาบอกว่าน่าจะเป็นปลางวดสุดท้ายของปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อเห็น “ปลาบักบาน” แล้ว ก็ยิ่งมั่นใจว่าปลาขึ้นหมดแล้ว เพราะตามภูมิปัญญาและประสบการณ์คนหาปลา ปลาบักบานจะเป็นปลาที่ขึ้นสุดท้ายของปลาชนิดอื่น ราคาปลาในช่วงเดือนสิงหาขึ้นอยู่กับปริมาณปลาที่คนหาปลาได้ในแต่ละวัน ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แน่นอน หากวันใดได้มากปลาจะราคาถูก วันใดน้อยก็จะได้ราคาเพิ่มขึ้น แม่น้ำมูนช่วงที่ผ่านมาคึกคักด้วยแม่ค้าและคนหาปลาทั่วทั้งลำน้ำ

ในปลายสิงหาคม น้ำเริ่มไหลเชี่ยว ทำให้คนหาปลาไม่สามารถลงหาปลาได้ หากเป็นก่อนการสร้างเขื่อนก็ถือเป็นช่วงพัก แต่เมื่อเปิดเขื่อนซึ่งมีเวลาเพียงสี่เดือน ชาวบ้านบอกว่าเหมือนถูกบังคับให้พัก เพราะปลาก็ไม่เข้าแล้วในเดือนสิบ และน้ำก็มากไม่สามารถลงเครื่องมือบางอย่างได้ ซึ่งในความรู้สึกของคนหาปลาเวลาสำหรับการหาปลาน้อยมาก ยังไม่อยากพักเพราะการหาปลาช่วงปลาขึ้นเป็นการหารายได้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องหยุดเพราะน้ำมากและไม่มีปลาให้หา จะมีก็เครื่องมือที่ใช้ตามริมฝั่งน้ำ เช่น จั่น อีหลง ลอบ เบ็ด มองชำ เป็นต้น

เปิดเขื่อนปีนี้ คนหาปลาสังเกตการเดินทางของปลา เห็นว่า ปลาเดินทางเร็วมาก โดยในช่วงแรกที่ปลาเข้ามาปากมูน กว่าจะถึงวังสะแบงใต้ก็ใช้เวลาอย่างน้อย ๒ วัน และจากวังสะแบงใต้ไปถึงลวงบ้านหนองโพธิ์อย่างน้อย ๓ วัน แต่ปีนี้ปลาใช้เวลาเพียงคืนเดียวก็เดินทางถึงพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้เป็นเพราะระบบนิเวศ แก่ง ขุม วัง และสภาพน้ำที่แตกต่างจากธรรมชาติก่อนการสร้างเขื่อน

ต้นกันยายนชาวบ้านบอกว่าเป็นช่วงปลายปลาเริ่ม “อ่วยลงของ” คงรอแต่ปลาที่ค้างวังเท่านั้นที่จะเป็นความหวังของคนหาปลาต่อไป

 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา