ใบแถลงข่าว
เครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตอบโต้
กฟผ.ที่ไม่ยอมรับรายงานคณะกรรมการเขื่อนโลกเขื่อนปากมูล
24 พฤษภาคม 2543
นายไชยณรงค์
เศรษฐเชื้อ
ผู้อำนวยการเครือข่ายแม่น้ำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้(SEARIN)
ได้แถลงตอบโต้ มล.ชนะพันธ์
กฤดากร รองผู้ว่า กฟผ.ที่ออกมาแถลงว่าการที่สมัชชาคนจนนำข้อมูลคณะกรรมการเขื่อนโลกไปเผยแพร่นั้นไม่ถูกต้อง
เพราะกรรมการเขื่อน
โลกคำนวณไม่ถูกต้อง
และธนาคารโลกและคณะกรรมการเขื่อนโลกไม่เกี่ยวกัน
ในประเด็นที่
มล.ชนะพันธ์ กฤดากร รองผู้ว่า
กฟผ.ระบุว่าการที่สมัชชาคนจนนำข้อมูลไปเผยแพร่ไม่ถูกต้องนั้น
นายไชยณรงค์ ได้ตอบโต้ว่า กฟผ.คงไม่ได้อ่านที่มาของรายงานซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่าถอดความและเรียบเรียงจาก Executive Summary, Pak Mun Case Study: Summary for Forum ซึ่งคณะกรรมการเขื่อนโลกจัดทำขึ้นเมื่อวันที่
22 มีนาคมที่ผ่านมา
ส่วนร่างบทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ของรายงานฉบับสมบูรณ์
อีกไม่นานก็จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เนื้อหาก็จะไม่แตกต่างกับเอกสารที่สมัชชาคนจนแจกไป
นายไชยณรงค์ระบุว่า
"การที่ กฟผ.ระบุว่า
การนำมาเผยแพร่ไม่ถูกต้องนั้น
ตนไม่เข้าใจว่า กฟผ.จะปิดหูปิดตาสังคมไทยไปถึงไหน
เพราะรายงานฉบับที่แจกกันนั้นทั่วโลกเขารู้กันหมดแล้วเพราะในช่วงนั้นคณะกรรมการเขื่อนโลกได้เผยแพร่ผ่านเวปไซต์ด้วย
ในขณะนี้ร่างรายงานสรุปสำหรับผู้บริหารของรายงานฉบับสมบูรณ์นั้น
ทั่วโลกก็รู้กันหมดแล้วเช่นกันเพราะคณะกรรมการเขื่อนโลก
ได้ขึ้นเวปไซด์เช่นเดียวกันโดยสามารถเปิดดูได้ที่ www.dams.org"
สำหรับกรณีที่
กฟผ.ระบุว่า
ธนาคารโลกและคณะกรรมการเขื่อนโลกไม่เกี่ยวกันนั้น
นายไชยณรงค์ แถลงว่า
คณะกรรมการเขื่อนโลก (WCD)
กับธนาคารโลกนั้นแม้คนละองค์กรกันเนื่องจากคณะกรรมการเขื่อนโลกเป็นองค์กรอิสระ
แต่ธนาคารโลกก็ยอมรับคณะ
กรรมการนี้เพราะคณะกรรมการเขื่อนโลกตั้งขึ้นมาในปี
2540
ภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างธนาคารโลกและสหพันธ์
เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติสากล
(IUCN) ซึ่งจัดขึ้นที่แกลนด์
ประเทศสวิทเซอร์แลนด์
โดยที่ธนาคารโลกเป็นสมาชิกสมัชชาและ
ธนาคารโลกยังได้บริจาคเงินให้กับคณะกรรมการนี้ในการทำงานด้วย
"ไม่เพียงแต่ธนาคารโลกเท่านั้นที่ยอมรับคณะกรรมการเขื่อนโลก
แต่องค์กรคณะกรรมการเขื่อนโลกยังมีสมาชิกสมัชชาที่ประกอบ
ด้วยองค์กรต่าง ๆ 56 องค์กร จาก
34 ประเทศ
ซึ่งแต่ละองค์กรนั้นมีชื่อเสียงในระดับโลก
ที่สำคัญเช่น
องค์การอาหารและเกษตรโลก (FAO)
โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(UNDP)
โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
(UNEP) สมาคมสร้างเขื่อนใหญ่
นานาชาติ (ICOLD)
คณะกรรมการนานาชาติเพื่อการชลประทานและการระบายน้ำ
(ICID) องค์การพลังงานนานาชาติ (IEA)
กองทุนเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเล
(OECF)
สหพันธ์เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติสากล
(IUCN) กองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF)
เครือข่ายแม่น้ำนานาชาติ (IRN)
องค์การพัฒนาแหล่งน้ำและที่ดินแห่งสหรัฐอเมริกา
(USBR)
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตประเทศต่าง
ๆ และสถาบันทรัพยากรโลก (WRI)
เป็นต้น
ส่วนการที่
มล.ชนะพันธ์ระบุว่า
รายงานการศึกษาของคณะกรรมการเขื่อนโลกไม่ถูกต้องนั้น
นายไชยณรงค์ระบุว่า
ตนไม่แปลกใจที่ กฟผ.ออกมาพูดอย่างนี้
เพราะ กฟผ.ไม่เคยยอมรับความจริงเกี่ยวกับเขื่อนปากมูลมาโดยตลอดถ้าหากว่ารายงานใดก็ตามขัดกับสิ่ง
ที่คนใน กฟผ.เชื่อ
ในกรณีของคณะกรรมการเขื่อนโลกนั้น
ตนอยากให้ กฟผ.ทบทวนความจำด้วยว่า
ทีมศึกษาของคณะกรรมการ
เขื่อนโลกที่เข้าศึกษากรณีเขื่อนปากมูลนั้นมาจากนักวิชาการจากหลายสถาบันเช่น
มหาวิทยาลัยมหิดล
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยขอนแก่น กรมประมง
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย(AIT)
บริษัทที่ปรึกษาเอกชน
รวมทั้งอดีตผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทยด้วย
ซึ่งการศึกษาแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"ที่สำคัญก็คือ
กฟผ.ก็ได้เสนอรายชื่อนักวิชาการด้วย
และได้เข้ามีส่วนในการพิจารณาขอบเขตการศึกษามาตั้งแต่ต้น
ซึ่งเท่ากับเป็นการ
ยอมรับวิธีการศึกษา
แต่ขณะนี้เมื่อผลการศึกษาออกมา
ตนเข้าใจว่า กฟผ.อาจจะรู้สึกเสียหน้ามากจึงออกมาตีรวน
เพราะรายงานของ
คณะกรรมการเขื่อนโลกนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรายงานก่อนหน้านี้ที่ธนาคารโลกจัดทำทั้งนี้ก็เพราะรายงานของธนาคารโลกที่
ทำก่อนหน้านี้และ กฟผ.มักนำมาอ้างว่าทุกอย่างดีหมดนั้น
ล้วนแต่ทำโดยบรรดามือปืนรับจ้าง
และไม่เคยถูกตรวจสอบจากสังคม
ซึ่งตนเห็นว่างานศึกษาแบบนี้ล้าสมัยแล้ว
ควรจะเอาไปเผาทิ้งหรือไม่ก็เก็บไว้เป็นกรณีศึกษาของการบิดเบือนข้อมูลทางวิชาการให้
คนรุ่นต่อไปได้ศึกษากัน"
นายไชยณรงค์สรุปว่า
"ในขณะนี้ตนขอฝากบอกไปยังรัฐบาลว่าทั่วโลกเขารู้ข้อมูลเขื่อนปากมูลหมดแล้ว
เหลือก็แต่รัฐบาลชวนนี่
แหละที่ไม่ยอมลืมตาดูโลก
มัวแต่หลับหูหลับตาฟังแต่ข้อมูลด้านเดียวที่ชงมาจาก
กฟผ. สำหรับ กฟผ.นั้นตนเห็นว่าหมดยุคของ
การผูกขาดการอธิบายข้อมูลแต่ฝ่ายเดียวแล้ว
ดังนั้น กฟผ.จึงไม่ควรดันทุรังปกป้องเขื่อนปากมูลที่เปรียบเหมือนกับการกอดซากศพ
และควรที่จะหันมายอมรับความจริงของเขื่อนปากมูลและมองเห็นว่าคุณค่าของชีวิตคนว่าสำคัญกว่าเขื่อนคอนกรีตได้แล้ว
ถ้าทำได้
ไม่เพียงแต่เป็นการล้างบาปที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น
แต่เชื่อแน่ว่าสังคมไทยจะยกย่อง
กฟผ.ด้วยซ้ำไป"
|