คนปากมูลสุดทน
แฉพบความไม่โปร่งใสของคำตัดสิน
ผู้จัดการออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่
16 มกราคม พ.ศ. 2546
ผู้ชุมนุมเขื่อนปากมูลเดือดสุดขีด
ยืนกรานไม่ยอมรับการตัดสินใจของรัฐบาลที่ให้เปิดเขื่อนแค่
4 เดือนปิด 8 เดือนเด็ดขาด
พร้อมออกโรงแถลงการณ์เหตุพบความไม่โปร่งใสในการตัดสินใจ
2 ประการ
ประกาศยืนยันปักหลักต่อที่หน้าทำเนียบฯ
ด้านแกนนำกลุ่มชี้คำตัดสินถือเป็นมติอัปยศ
ในขณะที่ พงศ์เทพ
ย้ำเป็นมติที่ถูกต้องแล้ว
หลังจากรัฐบาลสรุปปัญหาเขื่อนปากมูลให้เปิดเขื่อน
4 เดือนและปิดเขื่อน 8
เดือนไปเมื่อวานนี้นั้น
วันนี้ที่บริเวณด้านข้างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
( ก.พ.)
กลุ่มผู้เดือดร้อนจากการสร้างเขื่อนปากมูล
ยังคงปักหลักชุมนุมแต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา
เหลือชาวบ้านอยู่ไม่มากนัก
โดยนายสมเกียรติ พ้นภัย
ตัวแทนสมัชชาคนจน กล่าวว่า
เป็นปกติของการชุมนุมที่ยาวนาน
เนื่องจากชาวบ้านต้องเดินทางไปมา
อย่างไรก็ตาม
ยืนยันจะชุมนุมต่อไปอย่างสงบ
และจะกลับเมื่อรัฐบาลเปิดเขื่อนถาวรตลอดทั้งปี
และฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชน
โดยขณะนี้เตรียมสร้างเพิงพักให้อยู่ได้นานกว่านี้
ไม่มีทางอื่นแล้ว
เพราะบ้านแม่มูนมั่นยืนก็ถูกเผา
ส่วนจะให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นนั้น
ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาล
แต่หากให้ย้ายก็คงไม่ไปไหน
และกิจกรรมในบ่ายวันนี้
เนื่องจากเป็นวันครู
ทางกลุ่มสมัชชาคนจนจะทำพิธีไหว้ครู
ผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งสอนการทำมาหากินให้
 9 พบความไม่โปร่งใส
2 ประการ
สมัชชาคนจนได้ออกแถลงการณ์
วันนี้( 16 ม.ค.) เรื่อง
ทำไมจึงไม่ยอมรับมติคณะรัฐมนตรี
กรณีเขื่อนปากมูล
โดยระบุว่า
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
14 มกราคม กรณีเขื่อนปากมูล
ได้ยืนยันให้เปิดประตูระบายน้ำ
4 เดือนปิด 8
เดือนรวมทั้งมอบให้กรมชลประทานจัดทำคลองส่งน้ำ
กรมประมงสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมงให้เหมาะสมกับประมงน้ำลึกและให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)
สนับสนุนงบประมาณดำเนินการของกรมประมง
และการขยายพันธุ์และปล่อยพันธุ์ปลาชนิดต่างๆลงในแม่น้ำมูลนั้น
สมัชชาคนจนได้ศึกษาเอกสารมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้วพบความไม่โปร่งใสในการตัดสินใจ
2 ข้อ คือ 1.
การตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีครั้งนี้
เป็นไปตามอัตวิสัย
ไม่มีเหตุผลทางวิชาการรองรับ
2.การสร้างหลักฐานเท็จมารองรับการตัดสินใจ
โดยมอบหมายให้สำนักงานสถิติแห่งชาติไปสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่เขื่อนปากมูลโดยมีข้อสรุปว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เปิดประตูระบายน้ำ
4 เดือนปิด 8 เดือน
แต่เมื่อพิจารณาการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติแล้วพบว่าการสำรวจความคิดเห็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนสิริธร
ชาวบ้านที่อยู่กลางอุทยานแห่งชาติผาแต้ม
ในพื้นที่ ต.นาโพธิ์กลางที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่น้ำมูลแม้แต่น้อย
ดังนั้นสมัชชาคนจนขอคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวและจะชุมนุมเรียกร้องด้วยความสงบและสันติต่อไป
แกนนำสมัชชาคนจนชี้เป็นมติอัปยศ
ด้านนายนันทโชติ ชัยรัตน์
แกนนำสมัชชาคนจน เปิดเผยว่า
หลังจากที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจเปิดเขื่อนปากมูล
4 เดือน ปิด 8 เดือน
ชาวบ้านรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
มองว่าเป็นมติอัปยศ
และถือเป็นการดูถูกชาวบ้าน
ซึ่งมติที่ออกมามีจุดด้อย 3
ประการคือ 1.
เป็นการตัดสินใจที่ละเลยการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน
2.
ไม่ให้ความสำคัญของงานวิชาการ
และ 3.
ใช้คนส่วนใหญ่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขื่อนปากมูลรังแกคนส่วนน้อยที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเขื่อน
โดยทำผ่านกระบวนการประชาพิจารณ์ที่ไม่ยึดหลักความเป็นจริง
ทั้งนี้
นายนันทโชติได้กล่าวถึงแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปว่า
จากการหารือระหว่างที่ปรึกษาสมัชชาคนจนและชาวบ้าน
ได้ข้อสรุปว่า
จะต่อสู้ผ่านแนวคิดตั้งหมู่บ้านคนจนบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
โดยส่งตัวแทน 9 หมู่บ้าน
มาปักหลักถาวรจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข
พงศ์เทพ
ชี้เป็นมติถูกต้องแล้ว
นายพงศ์เทพ
เทพกาญจนา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยืนยันว่า
มติคณะรัฐมนตรีให้เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล
จ.อุบลราชธานี 4 เดือน ปิด 8
เดือน
ถูกต้องตามการสำรวจข้อมูล
และผลกระทบกับชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย
และจากสำนักงานสถิติแห่งชาติใน
3 อำเภอ
พร้อมชี้ว่ารัฐบาลคงไม่สามารถทำตามเสียงส่วนน้อยที่ต้องการให้เปิดเขื่อนตลอดปีได้
เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าจะใช้ต้นทุนสูง
รวมถึงชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงส่วนใหญ่
จะได้รับความเดือดร้อน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังกล่าวอีกว่า
การให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ได้รับผลกระทบในอาชีพเกษตรกรรม
รัฐบาลจะสร้างชลประทานส่งน้ำ
และให้ความช่วยเหลือในด้านเกษตรกรรมอื่นๆทั้งหมด |