แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขง
เรื่อง ไม่ยอมรับการประชุมและแนวคิดเรื่องเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่ยั่งยืน
19 กันยายน 2556
จากที่สำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยได้จัด“การประชุมเชิงปฏิบัติการและการรับฟังความคิดเห็นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ความตระหนัก และการสื่อสารเกี่ยวกับกิจกรรมไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน” ในเดือนสิงหาคมและกันยายนนี้ และได้เชิญตัวแทนจากเครือข่ายสภาองค์กรชุมชน 7 จังหวัดลุ่มน้ำโขงภาคอีสานเข้าร่วมนั้น พวกเรา พร้อมด้วยเครือข่ายประชาชนที่ลงชื่อในตอนท้ายของแถลงการณ์นี้ขอแสดงจุดยืน ไม่ยอมรับและไม่ขอเข้าร่วมกับการประชุมนี้รวมทั้งแนวคิดเรื่องเขื่อนไฟฟ้าที่ยั่งยืน ด้วยเหตุผลดังนี้
พวกเรามีความเชื่ออย่างชัดเจนว่า การปล่อยให้แม่น้ำไหลอย่างอิสระคือความยั่งยืนที่แท้จริงและผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนทั้งลุ่มน้ำและทั้งโลก ไม่มีแม่น้ำสายไหนในโลกนี้เหมาะสำหรับสร้างเขื่อนอีกต่อไป และสิทธิในการปกป้องทรัพยากรและแม่น้ำเป็นสิทธิพื้นฐานของคนท้องถิ่นที่ต้องได้รับการยอมรับ รากเหง้าที่สำคัญของปัญหา คือการที่ฝ่ายต่าง ๆ ปฎิเสธเสียงและความรู้ท้องถิ่นซึ่งมีความสำคัญต่อการจัดการน้ำ ในขณะเดียวกันจะยอมรับเพียงแค่ความรู้ทางวิชาการของผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของทรัพยากร ทั้งนี้ เราขอยืนยันว่า รัฐบาล คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กรมทรัพยากรน้ำ และผู้ได้รับผลประโยชน์จากการสร้างเขื่อนไม่มีสิทธิที่จะยัดเยียดแนวคิดเรื่องเขื่อนยั่งยืน ให้กับประชาชนที่จะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน
เรามีข้อสรุปที่ชัดเจนจากประสบการณ์อันเจ็บปวดที่ผ่านมาว่า เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ที่ยั่งยืนไม่มีจริงในโลกนี้ รวมทั้งเขื่อนไซยะบุรีที่กำลังก่อสร้างกั้นลำน้ำโขงอยู่ในประเทศสปป.ลาวในขณะนี้ ชัดเจนว่า ไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่เขื่อนใดทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกที่สามารถเยียวยาความเสียหายอันมหาศาลที่เป็นผลจากการสร้างเขื่อนได้ นับตั้งแต่เขื่อนใหญ่เขื่อนแรกของประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังได้รับความทุกข์ยากอยู่ ที่ชัดเจนอีกกรณีหนึ่งคือเขื่อนปากมูนที่ประชาชนต่อสู้มาแล้ว 24 ปี จนปัจจุบันยังแก้ปัญหาไม่ได้ ดังนั้น บรรดาหน่วยงานที่สร้างแนวคิดเรื่องเขื่อนยั่งยืนซึ่งส่วนใหญ่คือหน่วยงานสร้างเขื่อน หรือได้รับผลประโยชน์จึงขาดความชอบธรรมในการเสนอความคิดนี้โดยสิ้นเชิง
ในเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์จากเขื่อน พวกเราสรุปชัดเจนว่า ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างผู้สร้างเขื่อนทั้งหลายกับผลประโยชน์ที่ประชาชนได้รับจากแม่น้ำอย่างยั่งยืน เป็นผลประโยชน์ที่ขัดแย้งและแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นแนวคิดการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เท่าเทียมจึงไม่อาจจะเกิดขึ้นได้จริง ในกรณีการสร้างเขื่อนไซยะบุรีบนแม่น้ำโขงสายหลักนั้นมีรูปธรรมที่ปรากฎชัดเจนว่าตั้งแต่เริ่มโครงการไม่ได้มีการแบ่งปันผลประโยชน์ใด ๆ เลยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ มีแต่บริษัทไซยะบุรีเท่านั้นที่ได้ผลประโยชน์ โดยชาวบ้านที่ถูกอพยพจากถิ่นที่อยู่ไป กำลังตกอยู่ในภาวะทุกข์ยากและไม่ได้รับความเป็นธรรม ในท้ายที่สุด แม้มีการใช้คำพูดสวยหรูเกี่ยวกับเขื่อนยั่งยืน แต่ยังไม่มีหน่วยงานใด ที่จะมาให้หลักประกันใด ๆ ว่าความคิดเรื่องเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่ยั่งยืน และการแบ่งปันผลประโยชน์จะได้รับการปฎิบัติตามโดยกลุ่มผู้สร้างเขื่อนอย่างเช่น บริษัท ไซยะบุรีเพาเวอร์ จำกัด หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในความเป็นจริง
การจัดประชุม“การประชุมเชิงปฏิบัติการและการรับฟังความคิดเห็นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ความตระหนักและการสื่อสารเกี่ยวกับกิจกรรมไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน” ขาดความชอบธรรมและความเหมาะสมหลายประการ เริ่มจากวัตถุประสงค์ในการจัดการประชุมไม่ชัดเจน โดยเฉพาะบทบาทของคณะกรรมการแม่น้ำโขง (เอ็มอาร์ซี) ผู้เป็นต้นคิดเรื่องเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืน มีความไม่ชัดเจนอย่างยิ่ง การที่เอ็มอาร์ซีพยายามเผยแพร่ความคิดเรื่องเขื่อนยั่งยืนให้กับประชาชน ก็เท่ากับเป็นผู้สนับสนุนเขื่อน ทั้งที่ปฎิเสธมาโดยตลอดว่ามิได้สนับสนุน ที่ผ่านมาไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลความคิดเรื่องเขื่อนยั่งยืนที่เป็นภาษาไทยให้ประชาชนรับทราบ และแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก่อนหน้าการเสนอจัดประชุม ในเวลาที่เหมาะสมไม่มีเกณฑ์การเลือกผู้เข้าร่วมประชุมที่ถูกต้องเหมาะสมและโปร่งใส ทั้งที่การประชุมในหัวข้อดังกล่าวควรเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วม และตั้งคำถามได้ทั้งหมดโดยไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่คน ในกำหนดการประชุมที่มีอยู่ เห็นได้ชัดว่า ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนที่เห็นต่างได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ แต่เป็นการไปนั่งฟังการบรรยายสิ่งที่เตรียมการมาแล้ว ที่ผ่านมา การเปิดเวทีที่เกี่ยวกับการสร้างเขื่อนไซยะบุรี นับเป็นกระบวนการที่ล้มเหลว ไม่มีความชอบธรรม และประชาชนไม่เคยยอมรับ เพราะไม่เคยเคารพสิทธิของประชาชนและไม่ได้ทำตามกฎกติกาที่มีอยู่ การจัดเวทีในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประชาชน เป็นเพียงความพยายามสร้างความชอบธรรมให้กับความคิดเรื่องเขื่อนยั่งยืน และการแบ่งปันผลประโยชน์จากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำเท่านั้น
ท้ายที่สุดนี้ เราเห็นว่าผู้จัดการประชุมในครั้งนี้ ได้เตรียมข้อสรุปไว้ล่วงหน้าแล้ว ไโดยเป็นข้อสรุปที่ไม่ตรงกับข้อคิดเห็นของประชาชนที่ได้เสนอในที่ประชุมครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเชียงรายเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เราจึงขอปฎิเสธการเข้าร่วมและจะดำเนินการตั้งคำถามต่อความคิดเรื่องเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่ยั่งยืนต่อไปจนถึงที่สุด
ลงวันที่ 19 กันยายน 2556
- เครือข่ายสภาองค์กรชุมชน 7 จังหวัดลุ่มน้ำโขงภาคอีสาน (คสข.) (ประกอบด้วยสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล 64 พื้นที่ในจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี)
- เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัด หนองคาย 53 ตำบล
- เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัดบึงกาฬ 33 ตำบล
- เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี 80 ตำบล
- เครือข่ายเยาวชนคนรักษ์น้ำโขง 9 จังหวัดภาคอีสาน (จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น)
- เครือข่ายกลุ่มประมงแม่น้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน (จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี)
- เครือข่ายเกษตรริมโขง 7 จังหวัด ภาคอีสาน (จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี)
- คณะกรรมการชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูชีวิตและชุมชนลุ่มน้ำมูน จ.อุบลราชธานี
- กลุ่มรักษ์เชียงคาน จ.เลย
- กลุ่มรักษ์บ้านเกิดอุมุง เชียงคาน จ.เลย
- กลุ่มเยาวชนหอคำ-ไคสี จ.บึงกาฬ
- กลุ่มประมงพื้นบ้านหอคำ-ไคสี จ.บึงกาฬ
- เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบตลิ่งพัง 7 จังหวัดภาคอีสาน (จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี)
- เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว 7 จังหวัดภาคอีสาน (จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี)
- เครือข่ายลุ่มน้ำห้วยโมง จ.หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู
- กลุ่มอนุรักษ์ป่าดงมะไฟ จ.หนองบัวลำภู
- สภาองค์กรชุมชนตำบลดงมะไฟ จ.หนองบัวลำภู
- สภาองค์กรชุมชนตำบลเชียงคาน จ.เลย
- สภาองค์กรชุมชนตำบลปากชม จ.เลย
- สภาองค์กรชุมชนตำบลบุฮม จ.เลย
- สภาองค์กรชุมชนตำบลปลาบ่า จ.เลย
- ครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากสายส่งไฟฟ้าไซยะบุรี จ.เลย หนองบัวลำภู
- สภาประชาชนภาคอีสาน
- กลุ่มอนุรักษ์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ
|