eng homeabout usmekong riversalween rivermun riverthai baan researchpublication
 

แถลงการณ์ร่วมองค์กรนักวิชาการ องค์กรประชาชน  และองค์กรพัฒนาเอกชน

กรณีโครงการเขื่อนและผันน้ำสาละวิน

"หยุดเขื่อนและผันน้ำสาละวิน  ต้องเคารพสิทธิมนุษยชนของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบ"

          สืบเนื่องจากขณะนี้ได้มีการรื้อฟื้นโครงการสร้างเขื่อนในเขตลุ่มน้ำสาละวินและโครงการผันน้ำจากลุ่มน้ำสาละวินลงสู่ลุ่มเจ้าพระยา ดังที่ได้มีการเข้าสำรวจเขื่อนของบริษัทต่าง และการที่คณะรัฐมนตรีของไทยจะอนุมัติงบประมาณจำนวน 185 ล้านบาทเพื่อศึกษาโครงการผันน้ำสาละวิน-ภูมิพลบาง

          องค์กรนักวิชาการ  องค์กรประชาชน  และองค์กรพัฒนาเอกชน ที่รับรองแถลงการณ์นี้มีความเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวของหน่วยงานสร้างเขื่อนของรัฐบาลไทยไม่มีความชอบธรรม ด้วยเหตุผลดังนี้คือ

          ประการแรก  การกล่าวอ้างว่าโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในลุ่มเจ้าพระยานั้น เป็นข้ออ้างที่ไม่ชอบธรรม  เนื่องจากในปัจจุบันสังคมไทยยังมีข้อสงสัยว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำในลุ่มเจ้าพระยาน่าจะเกิดมาจากความผิดพลาดในการบริหารและจัดการน้ำ ในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ที่รวมศูนย์อยู่ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  การขาดแคลนน้ำในลุ่มเจ้าพระยายังอาจจะเกี่ยวข้องกับการนำน้ำไปผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อมิให้กระทบต่อกำไรของ กฟผ. ที่สำคัญก็คือ ปัจจุบันได้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่กระทบต่อ กฟผ.โดยตรง ดังนั้นสถานการณ์การขาดแคลนน้ำจึงมิได้เกิดจากภัยแล้งธรรมดา แต่อาจจะมีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดการขาดแคลนน้ำในเขื่อนทั้งสองขึ้นเพื่อจะได้นำไปเป็นข้ออ้างใน การดำเนินการสร้างเขื่อนและผันน้ำสาละวินรวมทั้งการผันน้ำโขง  ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำขึ้น  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเขื่อนและรัฐบาลไทยมิเคยค้นหาสาเหตุที่แท้จริงและมิเคยแสวงหาทางเลือกอื่นใน การแก้ปัญหานอกจากต้องการสร้างโครงการขนาดใหญ่เพียงประการเดียว

          ประการที่สอง  โครงการเขื่อนและผันน้ำสาละวินเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เกิดจากแรงผลักดันของกลุ่มทุนญี่ปุ่น ที่ต้องการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ตกต่ำของญี่ปุ่นโดยใช้ไทยเป็นฐาน  เพราะโครงการนี้หากมีการดำเนินโครงการเต็มรูปแบบจะทำให้มีการลงทุนถึง 500,000-1,000,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อแน่ว่ารัฐบาลไทยไม่มีความสามารถที่จะดำเนินได้โดยลำพังเนื่องจากวิกฤตทางเศรษฐกิจและการเงิน  อีกทั้งยังปรากฏว่าที่ผ่านมาผู้ที่มีบทบาทหลักในโครงการนี้คือกลุ่มทุนอุตสาหกรรม สร้างเขื่อนจากญี่ปุ่นที่เข้าศึกษาโครงการมาโดยตลอด และยังมีแนวโน้มว่าหากมีการดำเนินโครงการจริงญี่ปุ่นจะเป็นแหล่งเงินกู้หลักทั้งจากแผนมิยาซาว่า และในรูปของโครงการให้ความช่วยเหลือเงินกู้อื่น  ซึ่งในที่สุดผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ กลุ่มทุนอุตสาหกรรมสร้างเขื่อนของญี่ปุ่นที่จะมีงานทำจากการรับเหมาก่อสร้างและขายอุปกรณ์แก่โครงการ 

          โครงการสร้างเขื่อนและผันน้ำสาละวินจึงสะท้อนให้เห็นถึงการฮั้วกันระหว่างทุนข้ามชาติ  ทุนในประเทศไทย  และหน่วยงานสร้างเขื่อนของไทย ในสถานการณ์ที่ทุนนิยมโลกกำลังเข้ายึดครองประเทศโลกที่สาม  ดังที่กำลังเกิดขึ้นในกรณีเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของ IMF

          ประการที่สาม การดำเนินโครงการดังกล่าวจะทำลายระบบนิเวศน์ลุ่มน้ำสาละวินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดสายหนึ่งของ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้และของโลกทั้งความหลายหลากทางชีวภาพป่าเขตร้อน  ระบบนิเวศแม่น้ำ และระบบธรรมชาติอื่น ๆ    ผลกระทบนี้มิเพียงแต่จะกระทบต่อประชาชนในลุ่มน้ำสาละวินและแม่น้ำสาขาเท่านั้น  แต่ยังจะกระทบต่อประชาชนโดยส่วนใหญ่บนผืนแผ่นดินทั้งอนุทวีปอุษาคเนย์ ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมให้วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ดังเช่น ปัญหา ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น 

          ประการที่สี่  โครงการเขื่อนและผันน้ำสาละวินจะทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนและก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมตามมาอย่างมหาศาล  ดังปรากฏว่าที่ผ่านมา การดำเนินโครงการดังกล่าวมิได้กล่าวถึงผลกระทบต่อประชาชนเหล่านี้แต่ประการใด จนดูเสมือนว่า ลุ่มน้ำสาละวินมิได้มีประชาชนมากมาย มีแต่เพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้น  ขณะที่ในความเป็นจริงลุ่มน้ำสาละวินมีประชาชนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนจาก 13 เผ่าที่ดำรงชีวิตและอาศัยทรัพยากรธรรมชาติตลอดลำน้ำสาละวินและแม่น้ำสาขา ที่มีสังคมและวัฒนธรรมที่หลากหลาย  ที่ผ่านมาประชาชนเหล่านี้มิเคยได้รับข้อมูลข่าวสารใด ๆ  และเชื่อแน่ว่าจะไม่มีส่วนในการตัดสินใจใดในอนาคต

          การดำเนินโครงการดังกล่าว เชื่อแน่ว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อชุมชนและสังคมในเขตลุ่มน้ำสาละวินและแม่น้ำสาขาตาม มามหาศาลยิ่งกว่าโครงการท่อส่งก๊าซยาดานานับร้อย ๆ เท่า  เนื่องจากต้องมีการบีบบังคับให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพทิ้งถิ่นฐาน การทำลายสภาพแวดล้อมยังจะทำให้ประชาชนจำนวนมหาศาลไม่สามารถดำรงชีวิตตามแบบดั้งเดิมได้  ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าประชาชนเหล่านี้ได้เผชิญกับภาวะสงครามที่ต้องต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระ จากเผด็จการทหารพม่ามาโดยตลอด  ดังนั้นประชาชนผู้จะได้รับผลกระทบเหล่านี้จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องอพยพเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาที่ต่อเนื่องตามมามากมายยิ่งกว่าการอพยพจากสงคราม  ดังเช่น การก่อให้เกิดปัญหาความไม่มั่นคงต่อประเทศไทย เป็นต้น   

          ด้วยเหตุที่สาธารณชน และประชาชนในเขตลุ่มแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำสาขามีสิทธิพื้นฐานอันชอบธรรมที่จะ ปกป้องวิถีชีวิตและทรัพยากรบนลุ่มน้ำสาละวินและแม่น้ำสาขา  ดังนั้นองค์กรที่ลงนามในท้ายแถลงการณ์นี้  จึงขอเรียกร้องดังนี้

          1.ขอเรียกร้องต่อสังคมไทย และสังคมโลกร่วมมือกันผลักดันดังนี้คือ

          1.1          ร่วมกันคัดค้านรัฐบาลทหารพม่า  รัฐบาลไทยและหน่วยงานสร้างเขื่อนของรัฐไทย  บริษัทเอกชนสร้างเขื่อนของไทย  บรรษัทสร้างเขื่อนข้ามชาติจากญี่ปุ่น  และรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ร่วมมือกันผลักดันโครงการสร้างเขื่อนและผันน้ำสาละวิน

          1.2          กดดันให้องค์กรระหว่างประเทศเช่น องค์การสหประชาชาติ  และองค์กรการเงินระหว่างประเทศเช่น ธนาคารโลก และธนาคารพัฒนาแห่งเอเซีย ยุติการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการสนับสนุนโครงการดังกล่าว

          2.  ขอเรียกร้องต่อสังคมไทยให้กดดันคณะรัฐมนตรีของไทยทบทวนการอนุมัติงบประมาณในการศึกษาโครงการ เขื่อนและผันน้ำสาละวินที่ได้อนุมัติไปแล้ว  และขอให้ระงับการอนุมัติงบประมาณในการศึกษาความเหมาะสมโครงการเขื่อนและผันน้ำสาละวินในบางโครงการเพิ่ม เติมในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้

          3.  องค์กรที่รับรองแถลงการณ์นี้  ขอยืนยันว่า  เราเห็นความสำคัญและตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำในลุ่มเจ้าพระยาที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อพี่น้อง ชาวนาและประชาชนในลุ่มเจ้าพระยา แต่เนื่องจากสาเหตุที่มาของปัญหานี้มีเบื้องหลังดังได้กล่าวมาแล้ว ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้สังคมไทยช่วยกันผลักดันให้มีการตรวจสอบถึงสาเหตุและเบื้องหลังของการ ขาดแคลนน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์  และผลักดันให้หน่วยงานของรัฐหาวิธีการและยอมรับทางเลือกอื่น ๆ ที่เหมาะสมในการจัดการน้ำในลุ่มเจ้าพระยาเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและเป็นธรรมสำหรับกลุ่มต่าง ๆ ในลุ่มเจ้าพระยาอย่างแท้จริง  มิใช่ฉวยโอกาสสถาการณ์การขาดแคลนน้ำในเขื่อนทั้งสองมาเป็นข้ออ้าง ในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ดังที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

          รับรองโดย

  1. * Burma Release Center
  2. * Images Asia
  3. * Kareni Evergreen
  4. * Shan Herald Agency for News.
  5. * Shan Human Rights Foundation.
  6. * Shan Democratic Union.
  7. * Shan State Organization.
  8. * South East Asia River Network(Thailand Chapter)
  9. * The Monks of Shan.
  10. * The Shan Youth Network Group
  11. * The Syam Students' Federation
  12. * United Front of the People of the Salween.
  13. * กลุ่มเพื่อประชาชน
  14. * คณะกรรมการเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำยวม-เงา-เมย
  15. * คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ(กป.อพช.เหนือ) 68 องค์กร
  16. * โครงการพัฒนาลุ่มน้ำภาคเหนือ
  17. * เครือข่ายกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ
  18. * เครือข่ายชาวบ้านฮักป่าแม่ฮ่องสอน
  19. * เครือข่ายประชาชนเพื่อการปกป้องแม่น้ำ
  20. * เครือข่ายประชาชนภาคเหนือตอนบนเพื่อรัฐธรรมนูญ
  21. * มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชินูปถัมภ์
  22. * มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ
  23. * มูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ
  24. * สมัชชาคนจน
  25. * สมัชชานักวิชาการเพื่อคนจน
  26. * สมาคมสร้างสรรชีวิตและสิ่งแวดล้อม เชียงราย
  27. * ศูนย์ชาติพันธุ์ศึกษา  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  28. * องค์กรชาวบ้านพิทักษ์ลำน้ำแม่ละเมา
  29. * องค์กรประสานและสนับสนุนเครือข่ายงานพัฒนาชาวเขา
 
 

สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต   138/1 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่   50200
Living River Siam Association  138 Moo 4, Suthep, Muang, Chiang Mai, 50200   Thailand
Tel. & Fax.: (66)-       E-mail : admin@livingriversiam.org

ข้อมูลในเวปนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยอ้างอิงแหล่งที่มา