แถลงการณ์คัดค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น
โดย คณะกรรมการชาวบ้านคัดค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น
อ.สอง จ.แพร่
18 มิถุนายน 2547
จากสถานการน้ำท่วมจังหวัดแพร่ เมื่อสองวันที่ผ่านมา ได้มีการปลุกกระแสการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งที่น้ำป่าที่หลากเข้าท่วมจังหวัดแพร่นั้น ไหลมาจากทิศตะวันออกข้องจังหวัดแพร่
อันได้แก่ ห้วยแม่หล่าย ห้วยแม่คำมี และห้วยแคม ไหลท่วมผ่านถนนแพร่-ร้องกวาง
เข้าสู่จังหวัดแพร่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับแม่น้ำยมแต่อย่างใด
คณะกรรมการชาวบ้านได้ตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก
เฝ้าดู บันทึกข้อเท็จจริงไว้เป็นหลักฐานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้เข้าสำรวจที่แก่งเสือเต้น
อุทยานแห่งชาติแม่ยม กลับพบว่าแม่น้ำยม ยังมีปริมาณที่น้อยมาก เหตุการณ์น้ำท่วมจังหวัดแพร่
จึงเป็นน้ำป่าไหลหลากจากลำห้วยสาขาดังกล่าวมา อันเนื่องมาจากพายุดีเปรสชั่น
จันทร์ทรู
และการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มีความพยายามที่จะผลักดันเขื่อนแก่งเสือเต้น
โดยไม่รับฟังเหตุผลมาอย่างต่อเนื่องนั้น คณะกรรมการชาวบ้านเห็นว่า รัฐมนตรีควรจะใช้ปัญญา
ใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ ใช้แต่อำนาจ ใช้แต่อารมณ์ ไม่ยอมรับฟังเหตุผล
ทั้งที่ลำน้ำสาขาของแม่น้ำยม มีกว่า 70 สาย หากกั้นเพียงแก่งเสือเต้นก็ไม่อาจเยียวยาปัญหาน้ำท่วมได้
ดั่งที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติได้ศึกษาวิจัยไว้แล้ว
อีกทั้งการให้หน่วยข่าวกองทับบก เข้าพื้นที่ที่จะสร้างโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น
เพื่อประเมินสถานการณ์และหาข่าว และขอกำลังทหารเพื่อเข้าปฏิบัติการทางด้านจิตวิทยา
โดยใช้วิธีประกาศให้พื้นที่ ตำบลสะเอียบเป็นเขตภัยภิบัติ ประสบความแห้งแล้งเป็นข้ออ้างในการนำทหารเข้าพื้นที่
คณะกรรมการชาวบ้านขอประณามพฤติกรรมเผด็จการ ใช้อำนาจ ใช้กำลังทหาร ในการปลุกผีเขื่อนแก่งเสือเต้น
ทั้งที่การศึกษาของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา ประเทศไทย (TDRI.) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเอง
ได้ศึกษาด้วยเหตุผลทาง เศรษฐศาสตร์ ได้ข้อสรุปว่า เขื่อนแก่งเสือเต้นไม่คุ้มทุน
เป็นโครงการที่ไม่สมควรกับการลงทุน
อีกทั้ง การศึกษา การวิจัย ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้มีการศึกษามากว่า
10 ปี ก็มีความชัดเจนแล้วว่าไม่สมควรสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น อาทิการศึกษาของ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ด้วยเหตุผลทางนิเวศวิทยา ที่มีข้อสรุปว่าหากสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นจะกระทบต่อระบบนิเวศน์ของอุทยานแห่งชาติแม่ยมเป็นอย่างมาก
หากเก็บผืนป่าที่จะถูกน้ำท่วมไว้จะมีมูลค่าต่อระบบนิเวศน์ และชุมชนอย่างมาก
การศึกษาของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลทางด้าน ป่าไม้ สัตว์ป่า ที่มีข้อสรุปว่า
พื้นที่ที่จะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เป็นทั้งอุทยานแห่งชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่
อีกทั้งยังเป็นแหล่งป่าสักทองธรรมชาติ ผืนเดียวที่เหลืออยู่ ดังนั้น ควรเก็บรักษาไว้
เพื่ออนาคตของประชาชนไทย และมวลมนุษยชาติ การศึกษาของมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า
และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ด้วยเหตุผลในการจัดการน้ำ
ยังมีทางออก และทางเลือกอื่น ๆ อีกหลายวิธีการ ที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมลุ่มน้ำยม โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
1. การจัดการโดยใช้แนวทางทางภูมินิเวศวิทยา การจัดการน้ำแบบใหม่
และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมองภาพรวมการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำทั้งระบบ
2. การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ การฟื้นฟูป่าไม้ การอนุรักษ์ป่า การปลูกป่าเสริม
การปกป้อง พิทักษ์ รักษา และการจัดการป่า
3. การขุดลอกตะกอนแม่น้ำ อันจะสามารถฟื้นฟูแม่น้ำให้กลับมาทำหน้าที่แม่น้ำตามธรรมชาติได้
4. การทำทางเบี่ยงน้ำเพื่อระบายออกนอกเขตชุมชน การสร้างเครือข่ายทางน้ำเพื่อกระจายน้ำไปยังนอกเขตชุมชน
ฯลฯ
4. การฟื้นฟูที่ราบลุ่มแม่น้ำยม สามารถทำได้โดย ขุดลอกคูคลองที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำกับหนองบึง
5. การยกถนนให้สูงขึ้น หรือเจาะถนนไม่ให้กีดขวางทางน้ำ
6. การสร้างบ้านเรือนให้อย่างน้อยชั้นล่างสุดต้องสูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุด
7. การแนะนำให้เกษตรกรการปลูกพืชอายุสั้น พันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
8. การกำหนดให้เป็นเขตเสี่ยงภัยจากน้ำท่วม การหยุดยั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ขวางทางน้ำ
9. เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำยม การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้เหมาะสม
เช่น เป็นที่ท่องเที่ยว เป็นแหล่งประมง เขตอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
สิ่งเหล่านี้นอกจากจะสอดคล้องกับระบบนิเวศน์ ยังสามารถป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ทางตอนล่างลงมาตลอดจนถึงกรุงเทพฯ
ได้ เนื่องจากที่ราบลุ่มแม่น้ำยมเป็นที่พักน้ำ ที่สามารถพักน้ำไม่ให้ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกันถึง
500-1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร (ซึ่งมากกว่าแก่งเสือเต้นเสียอีก)
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ในการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในลุ่มแม่น้ำยมสามารถดำเนินการได้โดยการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กตามที่มีรายละเอียด
ในแผนการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ซึ่งจัดทำโดย กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยแผนดังกล่าวสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำได้โดยใช้งบประมาณเฉลี่ยแล้วหมู่บ้านละประมาณ
3 ล้านบาทเท่านั้น
คณะกรรมการชาวบ้าน ขอให้พี่น้องประชาชนผู้รักความเป็นธรรมทุกท่าน
ร่วมกันติดตาม ตรวจสอบ พฤติกรรมรัฐเผด็จการ ใช้อำนาจทหารฉ้อฉล และ ฉกฉวยสถานการณ์
ผลาญงบประมาณประเทศชาติ ทำลายชุมชน ทำลายป่าสักทองธรรมชาติ ทำลายสภาพแวดล้อม
หาผลประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง พฤติกรรมเหล่านี้ต้องถูกหยุดยั้ง ตรวจสอบ และนำมาลงโทษในอนาคตต่อไป
คณะกรรมการชาวบ้าน ขอยืนยันว่า เราจะร่วมกันปกป้อง พิทักษ์
รักษา ป่าสักทองและอุทยานแห่งชาติแม่ยมสืบไป มิยอมให้เขื่อนแก่งเสือเต้นมาทำลาย
ไม่ยอมให้นักการเมืองโกงกินมาทำลายอย่างแน่นอน
18 มิถุนายน 2547
คณะกรรมการชาวบ้านคัดค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น |