ก่อนสร้างไม่ศึกษา
สร้างปัญหาไม่รู้จบ
สมัชชคนจน
ความเป็นมา
เขื่อนลำคันฉูเป็นเขื่อนดินเพื่อการชลประทานของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตั้งอยู่ที่ ต.โคก เพชรพัฒนา อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ เหตุผลในการสร้างระบุว่า
สร้างตามคำร้องเรียนของราษฎร เพื่อช่วยเหลือแก้ไขสภาพ การขาด แคลนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรของราษฎร
ตามหนังสือที่ ชย.๐๕๑๖/๒๕๑ ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๒๖ และหนังสือที่ ชย.๐๔๑๖/๑๓๙
ลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๑
เขื่อนนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรของราษฎร
ในพื้นที่ ชลประทาน ๔๓,๐๐๐ ไร่ เป้าหมายคือ
พื้นที่ริมฝั่งลำคันฉู ตั้งแต่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำในเขต ต.โคกเพชรพัฒนา
ต.มะนาว อ.บำเหน็จณรงค์ ครอบคลุมถึง ๑๒ ตำบล ได้แก่ บ.โคกเพชรพัฒนา บ.เพชร
บ.ชวน บ.ตาล บ.หัวทะเล บ.ทุ่งเสมียนตรา บ.ทม บ.หนองโดน บ.กุดน้ำใส บ.กอก
บ.หนองบัวใหญ่ บ.ละหาน ซึ่งตำบลเหล่านี้เป็นเขตที่ลำน้ำไหลผ่านจนเข้าเขต
อ.จัตุรัส ก่อนที่จะไหลลงสู่ บึงละหาน อันเป็นหนองน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ และไหลลงแม่น้ำชีตามลำดับ
ข้อมูลพื้นฐานโครงการ
อ่างเก็บน้ำลำคันฉู อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาตินายางกลัก
พื้นที่อ่างเก็บน้ำขนาด ๕,๘๑๐ ไร่ น้ำท่วม ๑๑ หมู่บ้าน ๔๑๖ ครอบครัว ครอบคลุม ต.โคกเพชรพัฒนา อ.บำเหน็จณรงค์
และ ต.ห้วยยายจิ๋ว อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ใช้งบประ มาณในการก่อสร้าง ๒๖๖.๔๗
ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปี ๒๕๓๒ ตัวเขื่อน เป็นคันดิน ขนาดความกว้าง ๘ เมตร
ความยาว สันเขื่อนรวมคันดินรอบเขื่อน กว่า ๒ กม. แล้วเสร็จในปี ๒๕๓๙ และเริ่มกักเก็บน้ำเดือนตุลาคม
๒๕๓๙
สภาพปัญหา
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนลำคันฉู ครอบคลุม 2 อำเภอ 3 ตำบล
11 หมู่บ้าน ดังนี้คือ
1.อ.บำเหน็จณรงค์
- ต.โคกเพชรพัฒนา บ.โคกพะงาด บ.โคกคึม บ.เก่าลำคันฉู บ.คลองบงพัฒนา บ.วังอ้ายพิมย์
2.อ.เทพสถิตย์-ต.ห้วยยายจิ๋ว
บ.วังคมคาย บ.โนน (วังตลาดสมบูรณ์) บ.หินเพิง บ.หาดทราย (วังคมคาย) ต.บ้านไร่
บ.วังอ้ายคง
ผู้ที่ได้รับผลกระทบมี ๒ กลุ่มคือ กลุ่มที่มีที่ดินและถูกน้ำท่วมและกลุ่มที่สูญเสียอาชีพจากการเก็บของป่า
เช่น หน่อไม้ เห็ด กะบุก ผักหวาน อึ่งและสมุนไพรต่าง ๆ เป็นต้น โดยแทบจะไม่ต้องทำการเพาะปลูกเลย
เขื่อนแห่งนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก โดยวิถีชีวิตของชุมชนบริเวณนี้คือการหาอยู่หากินกับ
ป่านายางกลักนี้ตลอดทั้งปี ทั้งการเก็บหาของป่า ผักหวาน ไข่มดแดง อึ่ง หน่อไม้
เห็ด และการทำไร่ ซึ่งจะไม่ตัดต้นไม้ แต่จะ ปลูกพืชผักต่างๆใต้ต้นไม้แทน
ชุมชนที่พึ่งพาและอาศัยผืนป่าแห่งนี้ ยังมีชนเผ่าญากรู [1] อาศัยอยู่ด้วย
หลังการสร้างเขื่อนลำคันฉูในปี ๒๕๓๙ ผืนป่าแห่งนี้ถูกน้ำท่วมถึง ๖,๐๐๐ ไร่ แหล่งพึ่งพิงทั้งการบริโภคในครอบ ครัวและรายได้ทางเศรษฐกิจจมอยู่ใต้น้ำ
ลูกหลานหลายครอบครัวที่อยู่ในวัยเรียน ต้องลาออกกลางคัน เพราะพ่อแม่ขาดรายได้
หลายครอบครัวต้องอพยพ ขายแรงงานในกรุงเทพ-ต่างจังหวัด บ้างเช่าที่นาทำนาทำไร่
แต่ที่สุดก็เกิดหนี้สินล้นพ้นตัว ชุมชนที่อยู่อย่างสงบช่วยเหลือกัน ต้องแตกสลายไป
เพราะปัญหาปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ
ความเดือดร้อนเหล่านี้จึงเกิดการรวมตัวกันของกลุ่มผู้เดือดร้อน เรียกร้องค่าชดเชยความสูญเสีย
ในสมัยรัฐบาลพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการจ่ายค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม
ไม่ครบถ้วน ชาวบ้านถูกหลอกลวงและฉ้อโกง จากนายทุนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
เช่น กรณีนายสมชัย สวัสดี ตามมติ ครม. ๒๒ เมษายน ๒๕๓๙ ควรได้รับค่าชดเชยไร่ละ
๒๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑๔ ไร่ แต่มีการพิมพ์ตัวเลขตกไปเหลือเพียง ๔ ไร่ และเมื่อมีการร้องเรียนภายหลัง
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกลับอ้างถึงมติ ครม. ๒๑ เมษายน ๒๕๔๑ ที่ไม่ให้มีการจ่ายค่าชดเชยซ้ำซ้อนย้อนหลัง
กรณีนายเชย จิตต์จำนง มีพื้นที่ทำกินจมอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำจำนวน ๑๕๐ ไร่ ในช่วงแรก ได้รับค่าชดเชยจำนวน ๗๔ ไร่ ส่วนอีก ๗๖ ไร่ กรมชลประทานไม่จ่ายค่าชดเชย
แม้จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ คือ เลี้ยงสัตว์ ทำนา ปลูกมันสำปะ
หลังและ พืชไร่ เช่นเดียวกับ ๗๔ ไร่ที่ได้รับค่าชดเชยไปก่อนหน้านี้ โดยกรมชลประทานให้เหตุผลว่า
จ่ายครบแล้วไม่ต้อง พิสูจน์ใดๆ
นอกจากนั้น ตลอดเวลา ๕ ปีที่มีเขื่อนลำคันฉู ไม่มีการสร้างคลองส่งน้ำเพื่อการชลประทานตามวัตถุประสงค์ของ
โครงการ นอกจากนั้น ปรากฏว่าน้ำจากเขื่อนแห่งนี้กลับนำไปป้อนให้กับโรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่งผิดกับวัตถุประสงค์ที่ตั้ง ไว้แต่ต้น
ปัจจุบันเขื่อนนี้ได้เกิดรอยแตกร้าว และเกิดหลุมขนาดใหญ่ ซึ่งชาวบ้านหวาดกลัวว่าเขื่อนจะพังลงในไม่ช้า
ญากรู
(Nyah Kur, pah kur) คือคนพื้นถิ่นที่อยู่ในเขตลุ่มน้ำมูล-โขงทางภาคอีสานของไทยมาก่อน
แปลว่า คนที่อยู่ป่าหรือคนภูเขา (Hill people) ดำรงชีวิตโดยการหาหน่อไม้ กระบุก ผักหวาน ตามป่าตามริมลำน้ำ ทำไร่
|