1.บทนำ
รายงานฉบับนี้ได้ทำขึ้นโดยนักวิจัยท่านหนึ่งจากการที่ได้ลงไปศึกษาในพื้นที่เขื่อนผลิตไฟฟ้าพลัง
น้ำเทินหินบูน
ในประเทศลาวเมื่อเดือนมีนาคม
พ.ศ. 2541
ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในปี
พ.ศ. 2541 นี้ โดยได้รับ
การอนุมัติการสนับสนุนทาง
การ เงินในปี พ.ศ.2537
จากรัฐบาลประเทศนอร์เวย์
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย
(ADB)
และแหล่งเงินทุนอื่นๆทั้งภาครัฐและ
เอกชน ( โปรดดูภาคผนวก 1
สำหรับรายละเอียดและความเป็น
มาของโครงการ )
โครงการนี้ได้รับการอนุมัติขึ้นถึงแม้จะมีกลุ่ม
ต่างๆในประเทศไทย
นอร์เวย์และประเทศ
ต่างๆที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย
(ADB) แสดง
ความห่วงใยว่าผู้เสนอ
โครงการนั้นประสบความล้มเหลวในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนลาวทั้งในเรื่องการประเมิน
ค่าผลกระทบ
และการดำเนินงานตามสัญญาข้อตกลง
ประชาชนลาวกว่า 6,000 คนใน 25
หมู่บ้านรอบพื้นที่
โครงการได้ถูก
พิจารณาให้เป็น กลุ่มที่มีความเสี่ยง [1] ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ
ในขณะนี้ประชาชนหลายพันคนซึ่งอาศัยอยู่ใน
บริเวณลุ่มแม่น้ำเทินและหินบูน
ก็กำลังได้รับผลกระทบจากโครงการ
ในปี พ.ศ. 2539 องค์กร FIVAS
แห่งประเทศนอร์เวย์ซึ่งได้เฝ้าติดตามการเข้าไปเกี่ยวข้องกับโครง
การดังกล่าวของ
รัฐบาลนอร์เวย์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2536
ได้จัดทำรายงานฉบับหนึ่งขึ้นจำนวน
28 หน้า จากการ
ศึกษาในพื้นที่โครงการนี้ [2] ซึ่งราย
งานฉบับนี้ได้กล่าวถึงประเด็นปัญหาที่น่าตระหนักของโครงการจำนวน
มาก
ทั้งในเรื่องขบวนการที่ผิดผลาดในการดำเนินงาน
ตามสัญญาข้อตกลง
การขาดการปรึกษาและการมี
ส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่
ปัญหาผลกระทบของโครงการที่อาจจะเกิด
ขึ้นต่อชีวิตของชาวบ้านจำนวน
หลายพันคนรวมไปถึงการขาดมาตรการการช่วยเหลือและจ่ายค่าชดเชยที่เหมาะสม
แต่ธนาคาร เพื่อการ
พัฒนาเอเชีย (ADB)
และผู้ร่วมพัฒนาโครงการกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับประเด็นปัญหาและข้อตระหนัก
ที่ FIVAS ได้เสนอไปนั้นเลย
ขณะที่เขื่อนเทินหินบูนได้เริ่มดำเนินการ
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย
(ADB) ได้เข้าไปมีส่วนใน
การรณรงค์ประชา สัมพันธ์
โดยยกย่องโครงการและบทบาทของตนเองในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในการ
ดำเนินงานโครงการ
จากเอกสารประ
ชาสัมพันธ์ล่าสุดของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(ADB)เกี่ยวกับโครง
การเทินหินบูนได้กล่าวว่า
ทางธนาคารรู้สึกภูมิใจที่ได้
เป็นผู้สนับสนุนผู้สำเร็จ[3] และในบทความยังได้กล่าว
ว่า ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมต่อโครงการ
เทินหินบูน และ โครงการนี้ไม่มี
ความจำเป็นต้องอพยพโยกย้ายชาวบ้านเลย
ซึ่งมีนัยว่าโครงการนี้แทบจะไม่มีผลกระทบ
ทางด้านลบเลย
เพื่อเป็นการติดตามประเด็นปัญหาและข้อตระหนักที่
FIVAS
ได้เสนอไปนั้นและเพื่อจัดทำรายงาน
สถานการณ์ของ
ประชาชนลาวที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ
ผู้ทำการศึกษาได้ถูกร้องขอให้ทำการศึกษา
หมู่บ้านในพื้นที่ผลกระทบ
และทำการ
สัมภาษณ์ชาวบ้านในกลุ่มต่างๆ
จากรายละเอียดที่จะได้นำเสนอต่อไป
ผู้ทำการศึกษาได้พบว่าประชาชนลาวจำนวนมากได้
ประสบความเดือดร้อนจากผลกระทบของโครงการที่มี
ต่อวิถีการดำเนินชีวิตของตนอย่างรุนแรง
ทั้งในเรื่องปริมาณการจับปลา
ที่ลดลงอย่างมากสำหรับชาวบ้านที่
ต้องพึ่งพิงการประมงซึ่งเป็นทั้งแหล่งอาหารและรายได้หลักของครอบครัว
การสูญเสียพื้นที่
เพาะปลูกริมฝั่ง แม่น้ำ
การสูญเสียแหล่งน้ำดื่มในฤดูแล้ง
ปัญหาอุปสรรคในการคมนาคม
และปัญหาจากการที่ต้องอพยพ
บ้าน
เรือนหรือกระทั่งการอพยพทั้งหมู่บ้าน
ผู้ทำการศึกษายังพบว่าแผนงานในการลดปัญหาผลกระทบในรูป
แบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ยังไม่มีการพิจารณาผลกระทบของโครงการที่มีต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างเพียงพอ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศลาวต้องการการนำเงินเข้าจากต่างประเทศและไม่มีทางเลือก
มากนักในการหาเงิน
ตราเหล่านั้นมาในทางที่ยั่งยืน
ซึ่งโครงการเขื่อนเทินหินบูนนี้ก็เป็นโครงการหนึ่งที่อาจจะ
เป็นส่วนสำคัญในการนำเงินเข้า
จากต่างประเทศแก่ประเทศลาว
ในขณะที่ประสบการณ์ในประเทศต่างๆได้
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าโครงการเขื่อน
ขนาดใหญ่ต่างๆที่ได้สร้างขึ้นเมื่อพิจารณาจากผลระยะยาว
แล้วจะพบว่าให้ผลประโยชน์ที่น้อยกว่าในขณะที่มีต้นทุนที่สูงกว่า
ที่ผู้เสนอโครงการได้ระบุใว้
โครงการ
เขื่อนเทินหินบูนมีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดรายได้ที่มากกว่าโครงการเขื่อนอื่นๆที่มีใน
ประเทศลาว
ทั้งโครงการในปัจจุบันและโครงการที่ถูกเสนอเพื่อดำเนินงานในอนาคต
แต่ถ้าหากผู้พัฒนาโครงการยังคงละเลย
ค่าต้น
ทุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
และล้มเหลวในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อชดเชยปัญหาผลกระทบอย่างเพียง
พอ โครงการ
ดังกล่าวก็ไม่อาจจะเรียกได้ว่าประสบผลสำเร็จหรือเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและไม่สามารถที่
จะนำไปเป็นต้นแบบในการ
พัฒนาแก่ประเทศลาวหรือแม้แต่ประเทศใดๆในภูมิภาคนี้เลย
รายงานฉบับนี้เขียนขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะให้ผู้กำหนดนโยบายและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ
ในประเทศลาว
กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียน
และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(ADB)ได้ตระหนักถึงการ
พัฒนาอย่างยั่งยืนของการผลิตกระแส
ไฟฟ้าพลังน้ำและการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศลาว
โดยมีวัตถุประ- สงค์หลัก 3
ประการคือ
1.เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงผลเสียหายที่ได้เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำเทินและหินบูน
2.เพื่อเป็นการชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการประเมินผลกระทบและการตีค่าความเสียหายทาง
เศรษฐกิจและสิ่ง
แวดล้อมที่เกิดขึ้นจากโครงการในรายละเอียดต่อไป
3.เพื่อที่จะเป็นการเรียกร้องและวิงวอนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบและผู้ร่วมลงทุนในการสร้าง
เขื่อนเพื่อที่ว่าประ
เด็นปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขอย่างเป็นธรรมและเป็นไปตามความต้องการของ
ชาวบ้าน
รายงานฉบับนี้ได้ถูกจัดทำให้กับองค์กรเครือข่ายแม่น้ำสากล
( International Revers Network, IRN ) ( ตั้งอยู่ที่เมือง
เบิร์คเลย์ (Berkley)
ในประเทศสหรัฐอเมริกา,
ผู้แปล ) โดย Bruce Shoemaker
นักวิจัยอิสระ
ชาวเมืองมินเนียโพลิส (Minneapolis)
รัฐมินเนโซตา ( Minnesota )
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งได้อาศัยอยู่ใน
ประเทศลาวมาเป็นเวลากว่า 7
ปี ( พ.ศ. 2533 - 2540 )
และทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนหลายองค์กร
ในประเทศลาว
ผู้ทำการศึกษาได้ทำการศึกษาพื้นที่โครงการ
ดังกล่าวในฐานะแขกของสำนักงานคณะกรรม
การการจัดการสิ่งแวดล้อม (
Environmental Management Committee Office, EMCO )
ของบริษัทเทินหิน-
บูนเพาเวอร์(THPC)
และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการจัดการสิ่งแวดล้อม
และของ
บริษัทเทินหินบูนเพาเวอร์มา
(THPC) ณ
ที่นี้ด้วยที่ได้ให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการศึกษา
พื้นที่ดัง
กล่าวเป็นอย่างดี
|